หมวดหมู่: แทงบอลออนไลน์

  • Matildas เตรียมอุ่นเครื่อง

    Matildas เตรียมอุ่นเครื่อง

    Foord ตั้งเป้าพา Matildas ปิดท้ายปีอย่างแข็งแกร่งก่อนลุยเอเชียนคัพ พบ นิวซีแลนด์ ศึกอุ่นเครื่องสำคัญ

    ก่อนเปิดฉากเอเชียนคัพ 2026 ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติออสเตรเลีย หรือ Matildas เตรียมลงสนามอุ่นเครื่องแบบเหย้าสองนัดพบคู่ปรับตลอดกาลอย่างทีมชาตินิวซีแลนด์ โดยหนึ่งในนักเตะสำคัญของทีมอย่าง เคตลิน ฟอร์ด (Caitlin Foord) ย้ำว่านี่คือ “เกมที่สำคัญมาก” ในการเตรียมทีมช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2025 และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทีมได้รวมตัวกันก่อนทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในปีหน้า

    ฟอร์ดเดินทางกลับออสเตรเลียหลังจากเพิ่งช่วยสโมสรอาร์เซนอลคว้าชัยเหนือเรอัลมาดริดในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกหญิงท่ามกลางอากาศหนาวจัดที่ยุโรป การเปลี่ยนจากสภาพอากาศติดลบเป็นอุณหภูมิกว่า 30 องศาของออสเตรเลียทำให้เธอต้องปรับตัวไม่น้อย แต่ดาวเตะวัย 31 ปียืนยันว่าเธอพร้อมเต็มที่สำหรับเกมสำคัญทั้งสองนัดนี้

    บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกสถานการณ์ของทีม การเตรียมพร้อมก่อนทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ความสำคัญของเกมอุ่นเครื่องครั้งนี้ รวมถึงความคาดหวังที่แฟนบอลมีต่อ Matildas หลังสร้างประวัติศาสตร์คว้าอันดับสี่ในฟุตบอลหญิงโลก 2023

    ฟอร์ดพร้อมลุย แม้ต้องปรับตัวกับอากาศร้อนจัดในบ้านเกิด

    ฟอร์ดเล่าว่าการเดินทางจากยุโรปในสภาพอากาศหนาวเย็นจัดกลับมาเจอสภาพอากาศร้อนกว่า 30 องศาในออสเตรเลียเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาปรับตัว

    “เกมก่อนจะมาที่นี่คือหนาวสุด ๆ เลยค่ะ พอมาถึงออสเตรเลียก็ร้อนแบบไม่คาดคิด แต่ก็ยังโอเค เกมเตะค่ำ น่าจะไม่โดนแดดตรง ๆ มากนัก”

    เธอยังพูดติดตลกว่าทั้งทีม “ชินกับอากาศหนาวไปแล้ว” ทำให้วันแรก ๆ ในแคมป์ซ้อมหนักกว่าปกติ แต่เชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจะไม่กระทบฟอร์มการเล่นของทีมในวันแข่ง

    ศึกคู่ปรับตลอดกาล Matildas vs New Zealand ครั้งที่ 51 และ 52

    นิวซีแลนด์ถือเป็นทีมที่ออสเตรเลียเผชิญหน้ามากที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 50 ครั้ง ทำให้การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่แค่เกมอุ่นเครื่องธรรมดา แต่เป็น “ศึกศักดิ์ศรี” ที่ดุเดือดทุกครั้ง

    ฟอร์ดกล่าวว่า

    “เมื่อเจอนิวซีแลนด์ มันไม่เคยง่ายเลย เรารู้กันดีว่าคู่แข่งรายนี้มีแรงกระตุ้นเสมอ เกมแบบนี้เราต้องชนะ และมันยากทุกครั้ง”

    นอกจากนี้ เธอยังชี้ถึงมิติแท็กติกของคู่แข่งที่ทำให้การเจาะเกมรับไม่ง่าย

    “พวกเขาเล่นแบบตามประกบตัวต่อตัวเยอะ เราต้องหาพื้นที่ให้ตัวเองมากขึ้น ต้องสร้างจังหวะเองให้ได้”

    ในเกมล่าสุดที่ทั้งสองทีมพบกัน ออสเตรเลียต้องรอจนถึงช่วงท้ายเกมกว่าจะยิงประตูชัยได้ ทำให้ทุกคนรู้ดีว่านัดนี้ไม่สามารถประมาทได้แม้แต่นิดเดียว

    แรงบันดาลใจจากบ้านเกิด ฟอร์ดคืนสู่สนามที่แจ้งเกิด

    หนึ่งในจุดที่ทำให้นัดนี้พิเศษ คือ การที่ฟอร์ดได้กลับมาเล่นที่ Gosford สถานที่ที่เธอประเดิมสนามให้ทีมชาติครั้งแรกในปี 2011 ซึ่งบังเอิญก็คือการพบกับนิวซีแลนด์เหมือนกันทุกอย่าง

    การกลับมาลงสนามที่มีความหมายเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือน “ปิดวงจรชีวิตฟุตบอลอีกบทหนึ่ง”

    “ที่นี่คือที่ที่ฉันเริ่มต้นกับMatildas การได้กลับมาเล่นอีกครั้งก่อนทัวร์นาเมนต์ใหญ่ มันพิเศษมาก”

    นี่ทำให้ทั้งทีมมีแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้เล่นที่เคยคว้าชัยชนะในฟุตบอลโลกบนแผ่นดินบ้านเกิดเมื่อปี 2023

    เกมสุดท้ายก่อนเอเชียนคัพ เวลามีน้อย แต่เป้าหมายชัดเจน

    ฟอร์ดย้ำว่าการอุ่นเครื่องสองนัดนี้คือ “โอกาสสุดท้าย” ที่ทีมจะรวมตัวกันก่อนศึกเอเชียนคัพเดือนมีนาคม 2026 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญ เพราะมีผลต่อการคัดเลือกฟุตบอลโลกหญิง 2027 อีกด้วย

    “นี่คือสองเกมสุดท้ายของปี เกมสุดท้ายก่อนเอเชียนคัพ เราต้องทำให้ดีที่สุด เราต้องได้สองชัยชนะด้วย”

    ตารางสโมสรที่ไม่ตรงกัน ทั้งยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย ทำให้การรวมตัวทีมชาติครั้งนี้มีค่าอย่างมาก ทุกคนเดินทางไกลและมีโปรแกรมต่างกัน แต่เป้าหมายเดียวกันคือ “พร้อมที่สุดก่อนลุยทัวร์นาเมนต์”

    โค้ชโจ มอนเตมูร์โร (Joe Montemurro) เน้นว่าทีมต้องแก้ไขข้อผิดพลาดจากช่วงเก็บตัวครั้งก่อน

    “เราต้องปรับปรุงจากสิ่งที่ยังทำได้ไม่ดีในช่วงก่อนหน้านี้ และใช้สองเกมนี้ให้คุ้มค่าทุกนาที”

    สถานะของ Sam Kerr ฟอร์ดยืนยันชัด ‘ไม่ต้องห่วง’

    แม้มีข่าวลือเกี่ยวกับความฟิตของ แซม เคอร์ (Sam Kerr) กัปตันทีมคนสำคัญ แต่ฟอร์ดยืนยันว่าเธอสบายดี

    “เธออยู่ในแคมป์ เธอลงซ้อม เธอดูดีมากค่ะ ที่เหลือคือการตัดสินใจของโค้ชเท่านั้น”

    การมีเคอร์อยู่ในทีมย่อมเพิ่มความมั่นใจให้Matildas อย่างมาก โดยเฉพาะในเกมใหญ่ที่ต้องอาศัยความเด็ดขาดในแดนหน้า

    ทีมงานคุณภาพ แรงเสริมใหม่ที่สร้างความมั่นใจให้ทีม

    ฟอร์ดยังกล่าวชื่นชมผู้ช่วยโค้ชคนใหม่ที่กลับมาทำงานในสนามที่เธอคุ้นเคยจากการพา Central Coast Mariners คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา

    “เธอรู้จักที่นี่ดีมาก เธอนำหลายสิ่งดี ๆ เข้ามาสู่ทีม และทุกคนก็รู้สึกดีที่ได้ร่วมงานด้วย”

    ทีมงานคุณภาพมีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่ดี ก่อนเข้าสู่ช่วงการแข่งขันระดับทวีปที่สำคัญที่สุดของปี 2026

    แรงสนับสนุนจากแฟนบอล เบื้องหลังพลัง Matildas ยุคใหม่

    Gosford คือหนึ่งในสนามที่มีบรรยากาศเป็นเอกลักษณ์ ด้วยวิวต้นปาล์มสุดโดดเด่น และมักจะมีแฟนบอลเต็มความจุทุกครั้งที่Matildas ลงสนาม

    ฟอร์ดกล่าวว่า นักเตะทุกคนรู้ดีว่าแฟนบอลคือพลังสำคัญที่สุดของทีม

    “ไม่ว่าเราจะเล่นที่ไหน แฟน ๆ มาเชียร์เต็มสนามเสมอ พวกเขาทำให้เกมพิเศษขึ้นมาก เราจึงอยากตอบแทนด้วยผลงานที่ดีที่สุด”

    หลังประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2023 ความคาดหวังของแฟนบอลก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และทีมก็พร้อมแบกรับความคาดหวังนั้นทั้งหมด

    ความหวังใหญ่ ล่าแชมป์เอเชียนคัพบนแผ่นดินเกิด

    ออสเตรเลียมองว่าเอเชียนคัพครั้งนี้คือโอกาส “ล้างแค้น” หลังพลาดท่าในทัวร์นาเมนต์ก่อน และยังเป็นจังหวะสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ เพราะทีมมีโอกาสคว้าแชมป์เอเชียต่อหน้าแฟนบอลในบ้าน

    ฟอร์ดกล่าวว่า

    “เราอยากไปให้ไกลกว่าเดิม เราอยากเป็นแชมป์ และเราไม่อยากปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดไป”

    ทีมตั้งเป้าปรับปรุงทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยเฉพาะการสร้างพื้นที่ในแดนคู่แข่ง และการรักษาความแน่นอนในเกมรับจากการโดนคู่แข่งยิงในเกมสำคัญช่วงก่อนหน้า

    โปรแกรมการแข่งขัน Matildas พบ New Zealand

    Match 1

    • วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2025
    • เวลา 19:30 น. (AEDT)
    • สนาม: polytec Stadium, Gosford
    • ถ่ายทอดสด: Paramount+

    Match 2

    • วันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2025
    • เวลา 20:00 น. (ACDT)
    • สนาม: Coopers Stadium, Adelaide
    • ถ่ายทอดสด: Network 10, 10 Play, Paramount+

    เกมอุ่นเครื่องสองนัดนี้อาจเป็นการเรียกความฟิตของนักเตะ แต่สำหรับMatildas แล้ว มันมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น เพราะเป็นเวทีสร้างความมั่นใจครั้งสุดท้ายก่อนเดินหน้าสู่เอเชียนคัพ 2026 ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ที่สุดของทีมทั้งปี

    ด้วยสภาพทีมที่แข็งแกร่ง แรงสนับสนุนจากแฟนบอลเต็มสนาม และการกลับมาของดาวดังอย่างฟอร์ดและเคอร์ ทำให้ออสเตรเลียถูกมองว่าเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์อย่างแท้จริง

    อยากเชียร์ฟุตบอลหญิงและลุ้นผลแบบสด ๆ พร้อมอัตราต่อรองอัปเดตทุกนาที เลือกเล่นผ่าน ufabet ทางเข้า ช่องทางเดิมพันที่มั่นคง ปลอดภัย และใช้งานง่ายที่สุดตอนนี้ เพียงคลิกเดียว ก็เชื่อมต่อทุกแมตช์ของMatildas และลีกชั้นนำทั่วโลกได้ทันที

  • FIFA ไฟเขียว

    FIFA ไฟเขียว

    FIFA ไฟเขียว ให้ Ronaldo ลงเล่นนัดเปิดสนามฟุตบอลโลก แม้โดนใบแดงในเกมคัดเลือก

    คริสเตียโน โรนัลโด้ ยังคงเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ทั่วโลกรอคอยจะได้เห็นในเวทีฟุตบอลโลก และล่าสุดแฟนบอลก็ได้รับข่าวดี เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA ไฟเขียว ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า ดาวยิงวัย 40 ปี จะสามารถลงเล่นเกมเปิดสนามฟุตบอลโลก 2026 ได้ แม้เขาจะเคยโดนใบแดงจากการทำฟาล์วรุนแรงในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกก็ตาม

    การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก เพราะตามระเบียบปกติ การทำฟาวล์รุนแรงที่เข้าข่าย “violent conduct” มักจะถูกลงโทษแบนอย่างน้อยสองนัด บางกรณีถึงสามนัด ทำให้นักเตะต้องพลาดช่วงสำคัญของทัวร์นาเมนต์ แต่โรนัลโด้กลับได้รับสิทธิ์พิเศษที่หาได้ยากในระดับทีมชาติ ทำให้เขาสามารถลงเล่นนัดเปิดสนามในฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 ในชีวิตค้าแข้งของเขา

    บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่จังหวะใบแดง ความชัดเจนทางกฎของ FIFA เหตุผลที่ทำให้โรนัลโด้ได้รับการลดโทษ ไปจนถึงผลกระทบต่อทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2026 และความหมายสำคัญสำหรับทีมชาติโปรตุเกส

    จุดเริ่มต้นของปัญหา ใบแดงที่ทำให้ทั่วโลกตั้งคำถาม

    เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรป เมื่อโปรตุเกสพบกับไอร์แลนด์ โดยโรนัลโด้ถูกตัดสินให้เป็นผู้กระทำฟาวล์รุนแรงหลังยกศอกใส่ดารา โอ’เชีย ส่งผลให้เขาโดนใบแดงโดยตรงทันที

    นี่คือใบแดงใบแรกในชีวิตการเล่นทีมชาติทั้งหมด 226 นัด ของโรนัลโด้ และแม้จะเป็นช่วงท้ายของอาชีพ แต่ก็สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ทั้งจากแฟนบอล ผู้เชี่ยวชาญ และสื่อกีฬา

    ตามกฎของ FIFA นักเตะที่ถูกไล่ออกด้วยเหตุผลด้าน “ความรุนแรง” จะถูกแบนอย่างน้อย 2–3 นัด และบทลงโทษนี้จะมีผลเฉพาะใน “เกมแข่งขันจริง” ไม่ใช่เกมกระชับมิตร ซึ่งหมายความว่าโทษแบนควรจะต่อเนื่องเข้าไปในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นเช่นนั้น…

    ทำไมโทษแบนของโรนัลโด้จึงถูกลด?  มุมมองทางกฎและข้อยกเว้นที่ถูกนำมาใช้

    FIFA ออกมาชี้แจงว่า โทษแบน 2 นัดหลังจากเกมกับอาร์เมเนียนั้น “ถูกระงับไว้ก่อนเป็นเวลา 1 ปี” หรือในทางปฏิบัติ คือ ไม่ต้องบังคับใช้ทันทีในฟุตบอลโลก 2026 เว้นแต่ว่าโรนัลโด้จะทำผิดลักษณะเดียวกันอีกครั้งในช่วงเวลาครบกำหนด

    ซึ่งนี่ถือเป็นการใช้ อำนาจพิเศษตามมาตรา 27 ของระเบียบวินัย FIFA ซึ่งอนุญาตให้มี “ความยืดหยุ่น” ในบางกรณี โดยเฉพาะกรณีที่มีปัจจัยประกอบ เช่น

    • ไม่มีประวัติการโดนใบแดงด้านความรุนแรงมาก่อน
    • พฤติกรรมในทีมชาติโดยรวมดีเยี่ยม
    • การกระทำเกิดจากจังหวะปะทะ ไม่ใช่เจตนาทำร้าย

    นักวิเคราะห์ในยุโรปหลายคนมองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็น “เคสพิเศษ” ที่ถูกตีความโดยคำนึงถึงสถานะของโรนัลโด้ในวงการฟุตบอลโลกด้วย

    ข้อถกเถียง โรนัลโด้ได้รับอภิสิทธิ์หรือไม่?

    มีการตั้งคำถามว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามกฎหรือเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่ากัน

    เพราะในเวลาเดียวกัน ทิกราน บาร์เซคยาน กัปตันทีมชาติอาร์เมเนีย ที่รับใบแดงจากความผิดคล้ายกัน ก็ยังต้องรับโทษแบนเต็ม 3 นัด แม้จะเป็นใบแดงแรกในเส้นทางทีมชาติของเขาเช่นเดียวกัน

    ทำให้หลายฝ่ายโยงเหตุการณ์นี้ว่า FIFA อาจต้องการให้ดาราดัง เช่น โรนัลโด้ หรือแม้กระทั่งลิโอเนล เมสซี สามารถลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้ เพื่อสร้างกระแสและดึงดูดผู้ชมทั่วโลก

    กรณีคล้ายกันในอดีต ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ FIFA หาทาง “ตีความกฎ” เพื่อให้ซูเปอร์สตาร์ลงเล่นในรายการใหญ่ เช่น

    • การที่ อินเตอร์ ไมอามี ได้สิทธิ์เข้าร่วมสโมสรโลก เพราะมี ลิโอเนล เมสซี อยู่ในทีม
    • การใช้ช่องโหว่กฎเพื่อให้สตาร์ดังไม่ถูกแบนในทัวร์นาเมนต์สำคัญ

    ทำให้แฟนบอลบางส่วนเชื่อว่า FIFA อาจให้ความสำคัญกับ “ผลลัพธ์ทางการตลาด” มากพอ ๆ กับ “ความยุติธรรมเชิงกีฬา”

    ผลกระทบต่อทีมชาติโปรตุเกสในฟุตบอลโลก 2026

    การที่โรนัลโด้สามารถลงเล่นนัดแรกได้ ถือเป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับทีมชาติโปรตุเกส เพราะแม้อายุจะมากถึง 40 ปี แต่เขายังคงเป็นกองหน้าที่อันตรายที่สุด และมีประสบการณ์ในฟุตบอลโลกมากที่สุดคนหนึ่ง

    ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็น ฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 ของเขา ซึ่งไม่มีนักเตะระดับท็อปยุคปัจจุบันคนใดทำได้มาก่อน

    สิ่งที่โรนัลโด้ยังสามารถมอบให้ทีมชาติโปรตุเกส ได้แก่

    • ประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์ระดับโลก
    • ความคลั่งไคล้ในชัยชนะ
    • ความเป็นผู้นำในห้องแต่งตัว
    • ความเฉียบคมในจังหวะจบสกอร์

    โดยเฉพาะ เป้าหมายอีกหนึ่งอย่างที่เขาต้องการทำให้สำเร็จ คือ

    การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก — ถ้วยเดียวที่เขายังไม่เคยได้สัมผัส

    มุมมองจากแฟนบอลและสื่อทั่วโลก

    หลังประกาศของ FIFA มีกระแสตอบรับสองด้านอย่างชัดเจน

    ฝั่งแฟนบอลที่ดีใจ

    • อยากเห็นโรนัลโด้ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งสุดท้าย
    • มองว่าฟุตบอลโลกควรมีสตาร์ระดับตำนานคนนี้
    • เชื่อว่าโทษแบนไม่ควรทำลายช่วงปลายอาชีพของนักเตะระดับโลก

    ฝั่งที่ตั้งคำถาม

    • มองว่าระบบยุติธรรมของ FIFA ไม่เสมอภาค
    • เปรียบเทียบกับนักเตะคนอื่นที่โดนโทษเต็ม
    • เชื่อว่ากฎถูกบิดเพื่อเหตุผลทางการตลาด

    โรนัลโด้ในวัย 40 ปี พร้อมแค่ไหนสำหรับฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย?

    แม้อายุจะมากขึ้น แต่โรนัลโด้ยังคงดูแลร่างกายอย่างยอดเยี่ยม ระดับเปอร์เซ็นต์ไขมันและมวลกล้ามเนื้อยังสูงกว่าแข้งอาชีพระดับต้น ๆ อีกมาก

    เขายังคงสร้างผลงานได้ดีทั้งในสโมสรและทีมชาติ

    สิ่งที่แฟนบอลคาดหวังให้ได้เห็นคือ

    • สถิติการทำประตูเพิ่มจาก 143 ประตูในทีมชาติ
    • การปิดฉากอาชีพในฟุตบอลโลกอย่างงดงาม
    • การเป็นกำลังหลักในเกมบุกเหมือนเดิม

    บทสรุป โทษแบนที่ถูกระงับ กับความคาดหวังจากทั่วโลก

    การตัดสินใจของ FIFA ที่ทำให้โรนัลโด้ลงเล่นได้ตั้งแต่นัดแรกฟุตบอลโลก 2026 อาจจะสร้างทั้งความดีใจและความไม่พอใจในเวลาเดียวกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ โลกฟุตบอลยังต้องการเห็นซูเปอร์สตาร์ระดับตำนานในเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

    ไม่เพียงเพราะเขาคือโรนัลโด้ แต่เพราะเขายังคงเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนหลงใหลในฟุตบอลตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา

    • โรนัลโด้ได้รับอนุญาตให้ลงเล่นเกมเปิดสนามฟุตบอลโลก 2026 แม้เคยโดนใบแดง
    • โทษแบน 2 นัดถูก “พักการใช้งาน” เป็นเวลา 1 ปี
    • การตัดสินใจนี้อิงมาตรา 27 ของ FIFA และสถานะพิเศษของโรนัลโด้
    • ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้ฟุตบอลโลก เพราะนี่คือเวทีล่าถ้วยสมัยสุดท้ายของเขา

    หากคุณอยากติดตามการเดิมพันฟุตบอลโลกแบบเรียลไทม์ พร้อมราคาน้ำดีที่สุดในไทย คลิกเข้าเล่นได้ง่ายผ่าน ufabet ทางเข้า ช่องทางเดิมพันที่ปลอดภัย รวดเร็ว และอัปเดตอัตราต่อรองตรงจาก ufabet ทุกวินาที

  • Rangers ควรลืม Souttar และ Cornelius

    Rangers ควรลืม Souttar และ Cornelius

    Rangers ลืมซูตตาร์และคอร์เนเลียสได้ด้วยการปลดปล่อย “ฟาน ไดค์ เท้าซ้าย”

    Rangers ควรลืม Souttar และ Cornelius แล้วหันมาใช้งาน “Van Dijk เท้าซ้าย” ผลงานและเหตุผลที่ Clinton Nsiala สมควรได้รับโอกาส

    ช่วงพักเบรกทีมชาติเป็นเรื่องที่แฟนบอลมีความเห็นต่างกันอยู่เสมอ บางคนชอบเพราะได้ตามเชียร์ทีมชาติ ขณะที่อีกหลายคนรู้สึกเหมือนฟุตบอลสโมสรต้องหยุดชะงักโดยไม่จำเป็น สำหรับแฟนบอลเรนเจอร์สนี่อาจเป็นพักเบรกที่ทั้ง “หวาน” และ “ขม” ผสมกันไป

    ด้านที่หวานคือ สกอตแลนด์สามารถคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกได้สำเร็จหลังชนะเดนมาร์ก 4-2 เป็นประวัติศาสตร์ที่แฟนบอลปลื้มปริ่มกันทั้งประเทศ แต่ด้านที่ขมคือ สิ่งที่ Danny Rohl ผู้จัดการทีมเรนเจอร์ส ต้องกังวลมากที่สุดในช่วงเบรกทีมชาติ คือ “อาการบาดเจ็บ” ของนักเตะกำลังสำคัญ

    และมันก็เกิดขึ้นจริง—ทั้ง John Souttar และ Derek Cornelius สองเซนเตอร์แบ็กตัวหลักต่างบาดเจ็บจากเกมทีมชาติในคืนเดียวกัน ทำให้แผนการจัดตัวของเรนเจอร์สกลายเป็นปัญหาใหญ่ทันที

    บทความนี้จะพาเจาะลึกตั้งแต่สถานการณ์อาการเจ็บ ผลกระทบต่อทีม การจัดอันดับผลงานกองหลังของเรนเจอร์ส ไปจนถึงเหตุผลว่าทำไมถึงถึงเวลาที่ Rohl ควรปล่อยของและ “ปล่อย Van Dijk เท้าซ้าย” อย่าง Clinton Nsiala ลงสนามอีกครั้ง

    สถานการณ์อาการเจ็บ — ภาระหนักตกลงที่ Danny Rohl

    John Souttar เจ็บตั้งแต่วอร์มอัพ

    ก่อนเกมสกอตแลนด์พบเดนมาร์ก Souttar ถูกวางให้เป็นตัวจริง แต่ในช่วงอบอุ่นร่างกายกลับเจ็บจนเล่นไม่ได้และต้องถูกถอนตัวทันที แฟนบอล เรนเจอร์ส จึงจับตาว่าอาการหนักขนาดไหน และเขาจะกลับมาช่วยทีมได้เมื่อไร

    คลิป Sky Sports ยืนยันเหตุการณ์ว่า Souttar เดินออกจากการวอร์มด้วยท่าทางไม่ดี จึงมีความเป็นไปได้ที่เขาจะพลาดเกมสุดสัปดาห์นี้อย่างแน่นอน

    Derek Cornelius เจ็บต้นขา รุนแรงพอควร

    ในเกมที่แคนาดาพบเวเนซุเอลา Cornelius ต้องออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 30 ด้วยอาการเจ็บต้นขา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องระวังมาก เพราะถ้าฉีกแม้เพียงบางส่วนก็อาจพักหลายสัปดาห์

    นี่เป็นข่าวร้ายหนักสำหรับ Rohl เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาคุมทีม Cornelius คือผู้เล่นที่ฟอร์มมั่นคงที่สุดในแนวรับ

    ฟอร์มของเซนเตอร์แบ็กเรนเจอร์ส ในฤดูกาลนี้ — ตัวเลขไม่โกหกใคร

    จากข้อมูล Sofascore และสถิติตลอดฤดูกาล นักเตะแนวรับของเรนเจอร์สมีอันดับผลงานดังนี้

    อันดับฟอร์มกองหลังเรนเจอร์สฤดูกาลนี้

    1. Derek Cornelius – สม่ำเสมอที่สุด แข็งแกร่ง และดวลชนะ 21 จาก 32 ครั้งใน 3 เกมล่าสุด
    2. John Souttar – ยืนระยะดี แต่ยังมีบางเกมฟอร์มแกว่ง
    3. James Tavernier – แม้จะเป็นแบ็กขวา แต่ยังถูกดึงมายืนเซนเตอร์ในหลายแมตช์และทำได้ดี
    4. Emmanuel Fernandez – ลงน้อย แต่ทำผลงานเกินคาด
    5. Nasser Djiga – รูรั่วคนสำคัญของฤดูกาล ทำผิดพลาดบ่อย
    6. Clinton Nsiala – ยังไม่ได้ลงแม้แต่นาทีเดียว

    หากทั้ง Souttar และ Cornelius เจ็บพร้อมกันจริง นั่นหมายความว่า เรนเจอร์ส จะเหลือเซนเตอร์ที่พร้อมใช้งานเพียง

    • Tavernier (ต้องลากจากตำแหน่งแบ็กขวา)
    • Fernandez
    • Djiga (แต่ฟอร์มเข้าขั้นน่ากังวล)
    • นักเตะสำรองที่ยังไม่เคยลงเล่นในฤดูกาลนี้: Nsiala

    ทำไมผลงานของ Cornelius จึงสำคัญมาก?

    ตั้งแต่ Rohl เข้ามา Cornelius คือแผงหลังที่พึ่งพาได้มากที่สุด

    • ออกบอลดี
    • ตัวใหญ่แต่เคลื่อนที่เร็ว
    • ดวลกลางอากาศชนะบ่อย
    • มีความแข็งแกร่งทางกายภาพเหนือคู่แข่งหลายคน

    เขาถูกยกให้เป็น “เซนเตอร์แบ็กฟอร์มดีที่สุดของทีมในฤดูกาลนี้” และการหายไปของเขาอาจทำให้แนวรับของเรนเจอร์สขาดความสมดุลทันที

    ปัญหาของ Djiga — ทำไมแฟนบอลไม่มั่นใจ

    Nasser Djiga ถูกคาดหวังสูงตอนย้ายมาจาก Wolves แต่ตลอด 17 เกมที่ผ่านมา เขาถูกวิจารณ์อย่างหนัก

    • ถูกใบแดงในเกมพบ Dundee
    • มีจังหวะผิดพลาดระดับ “ไม่น่าให้อภัย” ในเกมยูฟ่า
    • เปิดพื้นที่ง่ายเกินไป

    David Edgar จาก Heart & Hand ใช้คำว่า

    “rot­ten”
    เพื่ออธิบายฟอร์มของ Djiga ซึ่งบอกชัดว่าความมั่นใจของแฟนบอลต่อผู้เล่นรายนี้ต่ำมาก

    ถึงเวลา “ปล่อยของ” — ทำไม Clinton Nsiala คือคำตอบที่เรนเจอร์สควรลอง

    เมื่อ Souttar และ Cornelius อาจพร้อมใจกันเจ็บ และ Djiga ฟอร์มไม่ดี นักเตะที่ถูกลืมอย่าง Clinton Nsiala ควรได้รับโอกาส

    ทำไมต้องเป็น Nsiala? เพราะเขาคือ “Van Dijk เท้าซ้าย”

    อดีตเพื่อนร่วมทีม Ross McCausland พูดถึงเขาอย่างชัดเจนว่า

    “พวกเราเรียกเขาว่า Van Dijk เท้าซ้าย ตอนเห็นเขาเล่นครั้งแรก”

    ไม่ใช่คำชมลอย ๆ แต่เป็นความเห็นจากนักเตะที่ลงสนามร่วมกับเขา

    ผลงานในฤดูกาลก่อน — สถิติที่หลายคนลืม

    ฤดูกาลที่แล้ว Nsiala ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกสกอตแลนด์ 11 นัด ผลงานทีมคือ

    • ชนะ 7
    • เสมอ 3
    • แพ้ 1

    ผลงานนี้ถือว่าน่าเชื่อถืออย่างยิ่งสำหรับดาวรุ่งวัย 21 ปีที่เพิ่งขึ้นชุดใหญ่

    เขาไม่ได้เป็นผู้เล่นที่สร้างปัญหาให้ทีมเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขาคือหนึ่งในนักเตะที่เล่นตามแท็กติกได้ดีและนิ่งในสถานการณ์ยาก ๆ

    คุณสมบัติที่ทำให้เขาแตกต่างจากกองหลังคนอื่นในทีม

    1. เท้าซ้ายธรรมชาติ — หายากมากในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก
      เรนเจอร์สมีเซนเตอร์เท้าซ้ายเพียงสองคนคือ
      • Cornelius
      • Nsiala
    2. รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่งแบบกองหลังสมัยใหม่
    3. ออกบอลจากหลังได้ดี
    4. มีประสบการณ์ในหลายระบบการเล่น
    5. มีศักยภาพการพัฒนาแบบก้าวกระโดด

    ทั้งหมดนี้คือเหตุผลว่าทำไมการให้โอกาสเขาคือการตัดสินใจเชิงแท็กติกที่สมเหตุสมผล

    Rangers ควรจัดแนวรับอย่างไรหาก Souttar และ Cornelius หายต่อไม่ทัน?

    ตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด

    • Rohl น่าจะเลือกใช้ Fernandez ยืนเซนเตอร์ด้านขวา
    • Nsiala ยืนเซนเตอร์ด้านซ้ายแทน Cornelius
    • Tavernier กลับไปยืนแบ็กขวาเพื่อเติมความนิ่งในการออกบอล

    นี่คือแผนที่สมดุลที่สุด ทั้งในด้าน

    • ความฟิต
    • ฟอร์ม
    • ความเข้ากันได้เชิงแท็กติก

    ถึงเวลาให้โอกาส Nsiala — เพราะเขาพิสูจน์แล้วว่าเล่นได้

    สิ่งที่หลายคนลืมคือ Nsiala เคยทำประตูให้ Rangers และไม่เคยทำผลงานแย่จนต้องหลุดทีมแบบยาว ๆ แต่ปัญหาคือการเปลี่ยนกุนซือบ่อยทำให้เขาไม่เคยมีโอกาสต่อเนื่อง

    ตอนนี้กับ Rohl คือโอกาสทองของเขา

    • มีช่องว่างในทีม
    • คู่แข่งตำแหน่งบาดเจ็บ
    • Djiga ฟอร์มไม่ดี
    • Fernandez ยังไม่พร้อมเล่นหลายเกมติด

    นั่นหมายความว่า เวลาเหมาะที่สุดที่จะปล่อย Van Dijk เวอร์ชันเท้าซ้ายลงสนาม ก็คือ “ตอนนี้”

    บทสรุป — หาก Rangers อยากพัฒนา ต้องกล้าลองสิ่งใหม่

    Clinton Nsiala ไม่ใช่แค่ตัวเลือกจำเป็น เขาคือนักเตะที่สามารถเปลี่ยนโฉมแนวรับของ Rangers ได้ หากได้รับโอกาสอย่างจริงจัง

    อาการบาดเจ็บของ Souttar และ Cornelius อาจเป็นข่าวร้าย แต่ก็เปิดประตูให้ดาวรุ่งรายนี้ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

    บางครั้งทีมฟุตบอลต้องการ “การตัดสินใจที่กล้า” เพื่อไปข้างหน้า และการให้โอกาส Nsiala อาจคือหนึ่งในก้าวสำคัญที่สุดของฤดูกาลนี้

    อยากติดตามฟุตบอลอย่างสนุกพร้อมวิเคราะห์เฉียบคม ลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ ufabet ที่ให้ข้อมูลครบทุกเกมดังแบบเต็มอรรถรส
    เพิ่มความมันส์ให้มากขึ้นอีกระดับด้วย ufabet เว็บตรง ที่มั่นคง ปลอดภัย และเชื่อถือได้มากที่สุดในตอนนี้

  • นักเตะ Celtic และ Rangers

    นักเตะ Celtic และ Rangers

    นักเตะ Celtic และ Rangers เปิดกว้างพูดคุยเรื่องการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์เดือนมกราคม

    ผู้เล่น Celtic และ Rangers ที่สามารถเจรจาย้ายทีมล่วงหน้าได้ในเดือนมกราคม เผยรายชื่อครบพร้อมสถานการณ์ล่าสุดของแต่ละคน

    ตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมกำลังจะมาถึง และเหมือนทุกปี สโมสรใหญ่ต่างเตรียมเดินเกมทั้งซื้อและขาย รวมถึงการเจรจา “สัญญาล่วงหน้า” (Pre-contract Agreement) สำหรับผู้เล่นที่เหลือสัญญาเพียง 6 เดือน ซึ่งสามารถเริ่มพูดคุยกับสโมสรอื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม

    ในสกอตแลนด์ สองยักษ์ใหญ่ CelticและRangers ต่างเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะในเรื่องของสัญญาผู้เล่นหลักที่ใกล้หมดอายุ รวมถึงนักเตะที่ยืมตัวซึ่งจะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์ที่กำลังมาถึง

    นอกจากการเตรียมหากุนซือใหม่ของ Celtic และเวลาทองที่ Danny Rohl จะได้เสริมทีมในแบบของตัวเองกับ Rangers แล้ว สิ่งที่ทั้งสองสโมสรต้องรับมือคืออนาคตของผู้เล่นจำนวนมากที่สามารถเจรจาย้ายทีมได้อย่างอิสระตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป

    บทความนี้จะพาเจาะลึกสถานการณ์ของผู้เล่นทุกคน สถานะสัญญา ความเป็นไปได้ในการย้ายทีม รวมถึงผลกระทบต่อ Celtic และ Rangers ในซีซันนี้

    ทำไมเดือนมกราคมจึงสำคัญสำหรับผู้เล่นใกล้หมดสัญญา?

    เมื่อผู้เล่นเข้าสู่ 6 เดือนสุดท้ายของสัญญา พวกเขามีสิทธิ์ตามกฎ FIFA ในการ

    • พูดคุยกับสโมสรใดก็ได้
    • ตกลงเซ็นสัญญาล่วงหน้าได้ทันที
    • เตรียมย้ายแบบฟรีค่าตัวในซัมเมอร์ถัดไป

    สิ่งนี้ทำให้ทั้ง Celtic และ Rangers ต้องตัดสินใจให้ชัดเจนในเดือนมกราคมว่า

    • จะต่อสัญญาใคร
    • จะปล่อยให้หมดสัญญา
    • หรือจะขายทิ้งทันทีแบบได้เงินเล็กน้อย

    ทั้งสองสโมสรอยู่ในช่วงสำคัญของฤดูกาล และการจัดการสัญญาจะมีผลต่อความมั่นคงภายในทีมอย่างมาก

    Rangers – ผู้เล่น 7 รายที่สามารถคุยย้ายทีมได้ในเดือนมกราคม

    สำหรับ Rangers จำนวนผู้เล่นที่เข้าสู่ปีสุดท้ายของสัญญามีมากถึง 7 คน ซึ่งรวมถึงนักเตะระดับซีเนียร์ และนักเตะที่เคยเป็นตัวหลักของทีม

    รายชื่อทั้งหมดคือ

    1. James Tavernier (กัปตันทีม)
    2. John Souttar
    3. Rabbi Matondo
    4. Kieran Dowell
    5. Liam Kelly
    6. Bailey Rice
    7. Kieran Wright

    นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นที่ยืมตัวอยู่หลายรายที่จะหมดสัญญายืม เช่น

    • Mikey Moore
    • Nasser Djiga
    • Max Aarons
    • Jayden Meghoma
    • Derek Cornelius (มีออปชั่นซื้อขาด)

    เราจะเจาะลึกทีละรายว่าใครอยู่ในสถานการณ์แบบใด และโอกาสย้ายทีมเดือนมกราคมมีมากน้อยเพียงใด

    James Tavernier – อนาคตที่ยังไม่ชัดเจนของกัปตันทีม

    Tavernier คือหนึ่งในผู้เล่นที่มีอิทธิพลมากที่สุดของ Rangers ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

    • ยิงประตูได้ต่อเนื่อง
    • เล่นลูกตั้งเตะดีเยี่ยม
    • เป็นผู้นำสำคัญ

    แต่ตอนนี้วัยของเขาและค่าเหนื่อยสูง ทำให้เกิดคำถามว่าทีมยังต้องการให้เขาเป็นตัวหลักต่อไปหรือไม่

    แม้แฟนบอลยังรักเขามาก แต่ Rangers ยังไม่เสนอข้อตกลงใหม่ และหากไม่ขยับก่อนเดือนมกราคม เขาสามารถเจรจาย้ายทีมได้ทันที

    John Souttar – อยากอยู่ต่อแต่ยังไม่มีสัญญาใหม่

    Souttar ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า

    “ผมรักสโมสรแห่งนี้ ผมอยากอยู่ต่อ…ทุกครั้งที่ใส่เสื้อทีม ผมจะให้ทุกอย่างเสมอ”

    แต่ปัญหาคือ

    • สโมสรยังไม่เสนอสัญญาใหม่
    • เขากำลังเจ็บยาวจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อที่เกิดตอนเล่นให้ทีมชาติสกอตแลนด์

    อาการบาดเจ็บนี้อาจทำให้ Rangers ชะลอการเจรจา และอาจทำให้เขาตัดสินใจย้ายหากมีทีมอื่นทาบทาม

    Rabbi Matondo และ Kieran Dowell – ใกล้หมดอนาคตในทีม

    ทั้งสองรายแทบไม่อยู่ในแผนของทีม

    • ลงเล่นน้อย
    • ไม่ได้เป็นตัวเลือกสำคัญของ Danny Rohl
    • แฟนบอลมองว่าไม่น่าจะมีอนาคตระยะยาว

    ดังนั้นทั้งคู่สามารถเจรจาย้ายทีมได้ทันทีในเดือนมกราคม และโอกาสย้ายสูงมาก

    Liam Kelly – อาจย้ายเพื่อโอกาสเป็นมือหนึ่งลุยฟุตบอลโลก

    หลังจากสกอตแลนด์คว้าตั๋วฟุตบอลโลกได้ Kelly ต้องตัดสินใจว่า

    • จะอยู่เป็นตัวสำรองที่ Rangers ต่อไป
    • หรือจะย้ายไปหาสโมสรที่ให้ตำแหน่งมือหนึ่ง เพื่อโอกาสติดทีมชาติไป World Cup

    นี่เป็นการตัดสินใจสำคัญในเส้นทางอาชีพของเขา

    Bailey Rice และ Kieran Wright – อนาคตที่ขึ้นอยู่กับทีมและโอกาสพัฒนา

    ทั้งสองรายยังอายุน้อย แต่สัญญาที่กำลังจะหมดลง ทำให้พวกเขาสามารถคุยกับทีมใหม่ได้ทันที

    Rangers ต้องพิจารณาว่า

    • จะต่อสัญญาเพื่อพัฒนาต่อ
    • หรือจะปล่อยเพื่อเปิดทางให้ดาวรุ่งรุ่นใหม่

    Celtic – ผู้เล่น 3 รายที่เหลือสัญญา 6 เดือน

    แม้มีจำนวนผู้เล่นหมดสัญญาน้อยกว่า Rangers แต่ Celtic ก็มีความกังวลในหลายตำแหน่งเช่นกัน

    ผู้เล่นที่สัญญากำลังจะหมดลงคือ

    1. James Forrest
    2. Kasper Schmeichel
    3. Kelechi Iheanacho (มีออปชั่นขยายสัญญา)

    ผู้เล่นที่ยืมตัวและจะหมดสัญญาคือ

    • Jahmai Simpson-Pusey
    • Marcelo Saracchi

    James Forrest – ตำนานสโมสรใกล้ถึงช่วงตัดสินใจ

    Forrest คือหนึ่งในผู้เล่นประวัติศาสตร์ของ Celtic

    • ได้แชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
    • เป็นที่รักของแฟนบอล

    แต่ตอนนี้อายุ 34 และกำลังจะครบ 35 ในซัมเมอร์หน้า

    สัญญาใหม่ของเขาน่าจะขึ้นอยู่กับ

    • ผู้จัดการทีมคนใหม่
    • แผนเสริมทัพระยะยาว
    • ความสามารถในการลงเล่นต่อเนื่อง

    ฤดูกาลนี้เขามีบทบาทมากขึ้น แต่สถานการณ์ยังไม่ชัดเจนว่า Celtic จะต่อสัญญาหรือไม่

    Kasper Schmeichel – อนาคตขึ้นอยู่กับทั้งตัวเขาและสโมสร

    Schmeichel เซ็นสัญญาระยะสั้น 1 ปี และใช้เงื่อนไขขยายสัญญาเพิ่ม 6 เดือน แต่เขาจะหมดสัญญาในซัมเมอร์หน้า

    เขาต้องตอบคำถามสำคัญว่า

    • จะเล่นต่อในสกอตแลนด์หรือย้ายไปหาความท้าทายใหม่
    • จะลดบทบาทความเป็นตัวจริงหรือมองหาทีมที่ต้องการมือหนึ่งแบบเต็มเวลา

    สโมสรเองก็ต้องดูฟอร์มและความฟิตของเขาด้วย

    Kelechi Iheanacho – อยู่ที่ Celtic จะใช้เงื่อนไขออปชั่นหรือไม่

    Iheanacho มีออปชั่นที่ Celtic สามารถ “ต่อสัญญาได้ทันที” หากต้องการ

    เขาย้ายมาฟรีจาก Sevilla และเริ่มทำผลงานได้ดีในบางนัด แต่ยังไม่คงเส้นคงวา

    ปัญหาที่ยังต้องตอบคือ

    • จะอยู่ในแผนของกุนซือใหม่หรือไม่
    • จะมีทีมอื่นในยุโรปยื่นข้อเสนอหรือไม่

    นี่เป็นดีลที่ Celtic ต้องคิดหนักในเดือนมกราคม

    ภาพรวม – เดือนมกราคมจะกำหนดทิศทางของทั้งสองสโมสร

    ตลาดซื้อขายนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ

    • การสร้างทีมของ Celtic ในยุคใหม่
    • การเสริมทัพครั้งแรกอย่างจริงจังของ Danny Rohl กับ Rangers
    • การตัดสินอนาคตนักเตะซีเนียร์
    • การรักษาโครงสร้างทีมสำหรับฤดูกาลหน้า

    ทั้ง Celtic และ Rangers จะมีการเปลี่ยนแปลงมากแน่นอนในอีก 6 เดือนข้างหน้า และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตลาดมกราคมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับโฉมครั้งใหญ่

    ติดตามข่าวฟุตบอลยุโรปแบบอัปเดตรวดเร็ว พร้อมมุมมองลึกและข้อมูลเชิงวิเคราะห์ได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางเดิมพันมาตรฐานสากล ufabet ที่แฟนบอลไว้วางใจ เลือกเล่นกับ ufabet เว็บตรง เพื่อประสบการณ์ที่ปลอดภัย โปร่งใส และสนุกกับเกมฟุตบอลได้ครบรสยิ่งกว่าเดิม

  • Fabrizio Romano เผยสถานการณ์ล่าสุด

    Fabrizio Romano เผยสถานการณ์ล่าสุด

    Fabrizio Romano เผยความคืบหน้าการย้ายออกจากอาร์เซนอลของไมล์ส ลูอิส-สเคลลีในเดือนมกราคม

    ข่าวจาก Fabrizio Romano ทำให้แฟนบอลอาร์เซน่อลได้รับภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของ Myles Lewis-Skelly ดาวรุ่งวัย 19 ปี หลังมีกระแสข่าวอย่างหนักว่าเขาอาจถูกปล่อยออกจากทีมในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมเพราะโอกาสลงสนามที่จำกัด แต่ล่าสุด Romano ยืนยันว่าอาร์เซน่อล “ไม่พิจารณา” การปล่อยนักเตะรายนี้ออกจากทีมแต่อย่างใด

    Lewis-Skelly คือหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในอะคาเดมีของ Arsenal เขาเคยถูกดันขึ้นมามีบทบาทสำคัญในฤดูกาลก่อน และได้รับโอกาสลงเล่นสม่ำเสมอภายใต้การคุมทีมของ Mikel Arteta แต่ฤดูกาลนี้ สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากจำนวนนาทีในสนามที่ลดลง ส่งผลให้เกิดคำถามว่าเขายังอยู่ในแผนของทีมจริงหรือไม่

    อย่างไรก็ตาม รายงานของ Romano ทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น อาร์เซน่อลจะเก็บเขาไว้แน่นอน และมองว่าเขายังเป็น “ส่วนสำคัญของทีม” ในครึ่งฤดูกาลหลัง

    ปัญหาใหญ่ของ Lewis-Skelly ฤดูกาลนี้ นาทีลงเล่นที่น้อยเกินไป

    ในฤดูกาล 2025/26 Myles Lewis-Skelly ลงเล่นเพียง 87 นาทีในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อนที่เขาลงเล่นมากกว่า 20 นัดในลีก

    สาเหตุที่นาทีลงสนามลดลงมีหลายปัจจัย เช่น

    • การเข้ามาของ Riccardo Calafiori ที่ยึดตำแหน่งได้ดี
    • ฟอร์มที่น่าประทับใจของ Piero Hincapié
    • การปรับแท็กติกของ Arteta ที่ทำให้แบ็กซ้ายต้องเล่นแบบ inverted มากขึ้น
    • ทีมไม่ต้องการเสี่ยงใช้ดาวรุ่งในเกมใหญ่หลายเกมติดต่อกัน

    แม้Lewis-Skelly จะยังถูกส่งลงสนามในเกมถ้วยยุโรปและบอลถ้วย แต่ในพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่สุด เขากลับมีบทบาทเพียงตัวสำรองช่วงท้ายเกม

    ผลกระทบต่อทีมชาติอังกฤษ หลุดจากแคมป์ทีมชาติครั้งสำคัญ

    การไม่มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษรุ่นล่าสุด กลายเป็นตัวกระตุ้นข่าวลือเรื่องการย้ายทีมมากขึ้น

    Thomas Tuchel ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษออกมาเตือนนักเตะดาวรุ่งหลายคน รวมถึง Lewis-Skelly ว่า

    “หากต้องการมีชื่อไปฟุตบอลโลก ต้องลงเล่นมากกว่านี้”

    การถูกตัดชื่อออกจากทีมชาติทำให้ดาวรุ่งรายนี้ถูกสโมสรต่าง ๆ ในพรีเมียร์ลีกจับตา เพราะมองว่าเขาอาจต้องการโอกาสลงเล่นที่สม่ำเสมอกว่านี้ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล

    ทีมที่สนใจ เช่น

    • Crystal Palace
    • Brighton
    • Fulham
    • Everton

    ล้วนพร้อมยืมตัว แต่สุดท้าย Arsenal เลือกที่จะปฏิเสธ

    Fabrizio Romano ยืนยันเอง อาร์เซน่อลไม่ยอมปล่อยตัว 100%

    ในช่อง YouTube ของเขา Romano รายงานอย่างชัดเจนว่า Lewis-Skelly จะไม่ถูกปล่อยออกจากทีม โดยกล่าวว่า:

    “My information is that Arsenal, at this stage, are not considering an exit for Myles Lewis-Skelly. Arsenal see him as absolutely important and crucial.”

    จุดสำคัญคือคำว่า “absolutely crucial” ซึ่งสื่อว่าผู้เล่นรายนี้ยังเป็นหนึ่งในแผนการของ Arteta โดยเฉพาะเมื่อทีมอาจต้องลงเล่นหลายรายการพร้อมกันในช่วงท้ายฤดูกาล

    Romano อธิบายเพิ่มว่า Arsenal ไม่อยากเสี่ยงกับสถานการณ์ที่ผู้เล่นคนสำคัญอาจเจ็บพร้อมกัน โดยยกตัวอย่าง Calafiori ที่เคยมีปัญหาบาดเจ็บในอดีต

    หมายความว่า แม้ Lewis-Skelly จะเป็นตัวเลือกอันดับสามในตำแหน่งแบ็กซ้าย แต่สโมสรก็ยังมองว่าเขามีบทบาทสำคัญ

    สถานการณ์ในทีม ตัวเลือกสามระดับในตำแหน่งเดียว

    ตำแหน่งแบ็กซ้ายของอาร์เซน่อลตอนนี้มี 3 ตัวเลือก

    1. Riccardo Calafiori – ตัวจริง
    2. Piero Hincapié – ตัวสลับใช้งานประจำ
    3. Myles Lewis-Skelly – ดาวรุ่งที่สำคัญต่อแผนในระยะยาว

    แม้นาทีลงเล่นน้อย แต่ความเชื่อมั่นจากสโมสรยังคงอยู่

    ผลงานฤดูกาลนี้ของ Lewis-Skelly

    แม้ไม่มีโอกาสมากในพรีเมียร์ลีก แต่ในรายการอื่น เขายังลงสนามอย่างต่อเนื่อง

    • ลงสนามรวม 12 นัด
    • มี 3 แอสซิสต์
    • ลงเล่นกว่า 450 นาที
    • ตัวจริงใน
      • ชปล. vs Olympiacos
      • ชปล. vs Atletico Madrid
      • คาราบาวคัพ 2 นัด

    นี่คือสัญญาณว่า Arteta ยังคงใช้เขาในเกมที่ต้องการวิ่ง pressing หนัก หรือเกมที่อยากทดสอบแท็กติกการขึ้นเกมจากแนวรับ

    อนาคตของเขากับ Arsenal เด็กที่สโมสรมองเห็นอนาคตระยะยาว

    Lewis-Skelly ลงเล่นไปแล้วกว่า 51 นัดให้กับทีมชุดใหญ่ ทั้งที่อายุเพียง 19 ปี ซึ่งถือว่ามากกว่าดาวรุ่งทั่วไปของพรีเมียร์ลีก

    เขายังผสมผสานคุณสมบัติหลายอย่างที่ Arteta ชื่นชอบ

    • ความเร็วในการพาบอล
    • ความแข็งแกร่งเกินวัย
    • ปรับตัวเล่นหลายตำแหน่ง (LB, LCB, DM)
    • สไตล์เกมรับเชิงรุก

    Arsenal จึงมองว่าเขาเป็นสมบัติล้ำค่า และเป็นหนึ่งในโปรเจกต์สำคัญที่จะผลักดันต่อในอีก 1–2 ปีข้างหน้า

    ทำไม Arsenal ถึงไม่ปล่อยยืมตัว แม้โอกาสลงเล่นน้อย?

    1. การลุ้น 3 รายการในครึ่งหลังของฤดูกาล

    Arsenal ยังอยู่ใน

    • พรีเมียร์ลีก
    • แชมเปี้ยนส์ลีก
    • เอฟเอคัพ

    ต้องการความลึกของทีม (Squad Depth) มากกว่าทีมส่วนใหญ่

    2. ประสบการณ์ของผู้เล่นสำรองบางรายยังไม่พอ

    แนวรับฝั่งซ้ายไม่มีตัวแทนที่เชื่อถือได้มากพอ หากมีอาการเจ็บเพิ่มอีกเพียงรายเดียว ทีมอาจเสียสมดุลทันที

    3. Arteta ต้องการให้ Lewis-Skelly เรียนรู้ระบบแบบใกล้ชิด

    การปล่อยยืมอาจทำให้เขาชะงักพัฒนาการแทนที่จะก้าวไปอีกขั้น

    4. ยังคงมีโอกาสได้รับนาทีมากขึ้นหลังปีใหม่

    ช่วงโปรแกรมถี่ยิบ เปิดโอกาสให้เขาได้ลงเล่นมากขึ้นแน่นอน

    โอกาสของเขาในครึ่งหลังของฤดูกาล

    สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ

    • เขาจะได้ลงเล่นในเอฟเอคัพ
    • ได้เล่นเป็นตัวสำรองในพรีเมียร์ลีกมากขึ้น
    • และอาจถูกใช้งานในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกหากเกมมีผลน้อย

    อาร์เซน่อลมองว่าเขาเหมาะจะเติบโตกับทีมมากกว่าถูกส่งออกไปยืมตัว

    บทสรุป Arsenal เชื่อใน Lewis-Skelly แม้เสียงวิจารณ์จะหนักขึ้น

    บทวิเคราะห์จาก Romano และข้อมูลจากแหล่งข่าวในสโมสรชี้ชัดว่า

    • อาร์เซน่อลมอง Lewis-Skelly เป็นหนึ่งในโครงสร้างทีมระยะยาว
    • ไม่หวั่นกระแสข่าวการย้ายทีม
    • ไม่สนว่าทีมอื่นจะยื่นข้อเสนอใดมาในเดือนมกราคม
    • และมองว่าการเก็บเขาไว้จะช่วยให้ทีมรอดพ้นความเสี่ยงจากการขาดแคลนผู้เล่นในตำแหน่งสำคัญ

    สำหรับแฟนบอล ข่าวนี้เป็นทั้ง

    • ด้านดี: ทีมยังคงรักษาอัญมณีดาวรุ่ง
    • ด้านกังวล: นาทีลงเล่นที่น้อยอาจส่งผลต่อนักเตะเอง

    แต่สุดท้าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแผนของ Mikel Arteta และความสามารถของ Lewis-Skelly ว่าเขาจะคว้าโอกาสครั้งต่อไปได้มากแค่ไหน

    อยากติดตามฟุตบอลพร้อมข้อมูลแม่นยำแบบรายงานสด ลองเปิดประสบการณ์ใหม่กับ ufabet ที่ให้ความบันเทิงครบทุกด้านของเกมกีฬาเลือก ufabet เว็บตรง เพื่อระบบเดิมพันที่มั่นคง โปร่งใส และเชื่อถือได้อย่างแท้จริง

  • 3 นักเตะที่ Celtic

    3 นักเตะที่ Celtic

    3 สิ่งที่ Celtic ต้องทำในตลาดซื้อขายเดือนมกราคม ภายใต้ Wilfried Nancy หลังอัปเดตอาการเจ็บสุดโหดจาก Martin O’Neill

    Celtic อาจต้องเข้าสู่เดือนมกราคมด้วยความวุ่นวายมากกว่าที่คาด หลัง Martin O’Neill กุนซือชั่วคราวของทีมออกมาอัปเดตอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลัก ซึ่งแทบทุกคนมีระยะเวลาพักฟื้นยาวนานจนทำให้ทีมขาดความสมดุลอย่างหนัก

    เดิมทีแฟนบอล เซลติ ก็ไม่พอใจวิธีการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์อยู่แล้ว เพราะทีมเสริมผู้เล่นได้น้อยกว่าความคาดหวัง เกิดความขัดแย้งระหว่างแฟนบอลกับบอร์ดบริหาร จนการประชุม AGM ประจำปียังต้องยุติลงกลางคันเพราะความตึงเครียด

    และยิ่งเมื่อข่าวร้ายเรื่องอาการบาดเจ็บหลายรายถูกเปิดเผย ความจำเป็นในการเสริมทัพเดือนมกราคมก็ยิ่งชัดเจนขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะหาก Wilfried Nancy ถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือเต็มตัวต่อจาก Brendan Rodgers

    ต่อไปนี้คือ 3 ตำแหน่งหลักที่ Celtic จำเป็นต้องซื้อมากที่สุด ซึ่งอาจเป็นตัวตัดสินฤดูกาลทั้งหมดของพวกเขา

    พายุอาการบาดเจ็บถล่ม เซลติ ข่าวร้ายแบบต่อเนื่อง

    Martin O’Neill เปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดของผู้เล่นอย่าง Cameron Carter-Vickers, Alistair Johnston, Callum Osmand และ Jota ซึ่งล้วนเป็นนักเตะตัวหลักหรือมีบทบาทสำคัญในทีม

    สิ่งที่ O’Neill กล่าว ทำให้แฟนบอลทั้งยืนและนั่งไม่ติด

    • Carter-Vickers: เจ็บหนักและ พักทั้งฤดูกาล
    • อาจกลับมาแตะสนามซ้อมได้ ไม่ก่อนเดือนเมษายน
    • Alistair Johnston: ต้องพักยาว 4–5 เดือน
    • Callum Osmand: ผ่าตัดแบบเดียวกับ Johnston แต่หนักกว่า ต้องพัก 5 เดือน
    • Jota: หมดสิทธิ์ลงสนามช่วงที่ O’Neill คุมอย่างแน่นอน

    การขาดผู้เล่นระดับแกนหลักพร้อมกันแบบนี้ ทำให้เซลติต้องหาทางออกแทบจะทันที เพื่อไม่ให้รูปเกมพังทั้งระบบ

    ทำไม Wilfried Nancy จึงเป็นตัวเลือกที่แฟนบอลจับตา?

    Nancy ประสบความสำเร็จกับ Columbus Crew จาก MLS ด้วยระบบแท็กติกที่เน้นการครองบอล การสร้างเกมจากหลัง และการพัฒนาศักยภาพผู้เล่นดาวรุ่ง หาก Celtic เลือกเขาเข้ามาแทน Rodgers แบบถาวร สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เพียงการวางระบบใหม่ แต่ต้องการ “ตัวผู้เล่นให้พร้อมตามแผน”

    นั่นหมายความว่าในเดือนมกราคมเซลติต้องเสริมทัพแบบ ตรงจุดเท่านั้น ไม่สามารถซื้อแบบกว้าง ๆ หรือเสริมเพื่ออนาคตได้อีกต่อไป

    3 ตำแหน่งที่ เซลติ ต้องเสริมด่วนในตลาดหน้าหนาว

    1) เซนเตอร์แบ็ก – รากฐานเกมรับที่พังลงทันที

    Cameron Carter-Vickers คือหัวใจเกมรับของ เซลติผู้เล่นที่อ่านเกมดี แข็งแกร่ง และเป็นผู้นำในสนาม การขาดเขาตลอดฤดูกาลคือความเสียหายระดับใหญ่มาก

    ตอนนี้ทีมเหลือเพียง

    • Liam Scales
    • Auston Trusty
    • Dane Murray

    โดย Murray ยังประสบการณ์น้อยมาก และอาจไม่พร้อมสำหรับเกมระดับสูงทุกสัปดาห์

    ทำไมจึงต้องซื้อเซนเตอร์ใหม่แบบ “ตัวจริงทันที”?

    1. ระบบเกมรับของเซลติพึ่งพาการยืนตำแหน่งที่แม่นยำ
      Nancy หรือ Rodgers ต่างก็เน้นการสร้างเกมจากแนวหลัง ซึ่งต้องใช้กองหลังที่เก่งบอลกับเท้า
    2. ความเสี่ยงสูง หาก Scales หรือ Trusty เจ็บเพิ่มอีกเพียงคนเดียว
      ซีซันที่ตัวหลักเจ็บเยอะอยู่แล้ว ไม่มีพื้นที่ให้เสี่ยงอีกต่อไป
    3. โลนี Jahmai Simpson-Pusey ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้
      ได้ลงเล่นเพียงครั้งเดียว และยังเล่นตำแหน่งแบ็กมากกว่าเซนเตอร์ จึงไม่นับเป็นตัวเลือกจริงจัง

    สรุป: เซนเตอร์แบ็ก คืออันดับ 1 แบบไม่ต้องคิด

    หากเซลติไม่เสริมตำแหน่งนี้ อาจต้องเล่นเกมสำคัญด้วยเซนเตอร์ที่ไม่พร้อม ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียแต้มจำนวนมาก

    2) แบ็กขวา – ช่องโหว่ที่หนักไม่แพ้กัน

    Alistair Johnston คือหนึ่งในตัวคีย์ของทีม ทั้งเกมรับและเกมรุก

    • ครอสบอลดี
    • เติมเกมคม
    • เข้าปะทะแม่น
    • สร้างความมั่นคงฝั่งขวาของสนาม

    เมื่อต้องพัก 4–5 เดือนเซลติต้องพึ่งพา Anthony Ralston และ Colby Donovan ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีในบางนัด แต่ยังไม่สม่ำเสมอพอสำหรับเกมใหญ่หรือเกมถี่ช่วงลุ้นแชมป์

    ความเสี่ยงในตำแหน่งนี้

    • หาก Ralston เจ็บก่อนตลาดเปิดเซลติจะไม่มีตัวเลือกเพียงพอ
    • Donovan แม้จะพัฒนาได้ดี แต่ยังอายุไม่มาก และอาจรับมือกับเกมระดับยุโรปได้ไม่ดีนัก

    การเสริมแบ็กขวาคือสิ่งที่เซลติ“เลี่ยงไม่ได้” เพราะระบบวิงแบ็กของ Nancy ต้องการผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบทั้งเกมรุก-เกมรับ

    3) กองหน้า – ปัญหาที่ลากยาวมานานเกินไป

    นี่เป็นตำแหน่งที่แฟนบอลไม่พอใจบอร์ดบริหารมากที่สุด เพราะ เซลติปล่อย Adam Idah และยังไม่ได้หาตัวแทน Kyogo ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา

    Johnny Kenny แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ต้องพักอย่างน้อย 5 เดือนหลังได้รับบาดเจ็บหนัก ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายระดับสูงมาก เพราะเขาเพิ่งเริ่มได้ลงเล่นต่อเนื่อง

    ขณะที่ Kelechi Iheanacho แม้จะมีประสบการณ์มาก แต่ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเกมของ เซลติ ได้เต็มที่

    ที่แย่ไปกว่านั้น

    • Daizen Maeda สามารถเล่นหน้าเป้าได้ แต่ตามรายงานของ Fabrizio Romano ระบุว่าอาจย้ายทีมในตลาดหน้าหนาว!

    ดังนั้น No.9 กลายเป็น “หัวใจหลักของตลาดซื้อขาย”

    เซลติ ต้องหากองหน้าที่พร้อมยิงประตูได้ทันที ไม่ใช่ดาวรุ่งหรือโปรเจกต์ระยะยาว

    เพราะถ้าขาดกองหน้าที่จบสกอร์ได้ คงยากที่ทีมจะลุ้นทั้งลีกและบอลถ้วย

    ความกดดันสูงขึ้นเรื่อย ๆ เซลติต้องทำงานแบบไร้ข้อผิดพลาด

    สถานการณ์ของทีมเวลานี้รวมถึงปัญหาจากแฟนบอล บอร์ดบริหาร และผลงานในสนาม ล้วนทำให้ เซลติต้องตัดสินใจในเดือนมกราคมให้ “แม่นที่สุด”

    การเสริมผิดเพียงตำแหน่งเดียวอาจส่งผลให้พลาดทั้งฤดูกาล เช่น

    • การลุ้นแชมป์ลีก
    • การไปเล่นยุโรป
    • หรือแม้แต่ความเชื่อมั่นของแฟนบอล

    เพราะฉะนั้น Nancy หรือกุนซือใหม่ที่เข้ามา จะต้องมองสามตำแหน่งนี้เป็นลำดับแรก

    1. เซนเตอร์แบ็ก
    2. แบ็กขวา
    3. กองหน้า

    หาก เซลติ ได้ผู้เล่นคุณภาพระดับตัวจริงทั้ง 3 ราย ทีมอาจพลิกสถานการณ์กลับมาได้ในครึ่งหลังของฤดูกาล

    อยากติดตามฟุตบอลพร้อมข้อมูลวิเคราะห์แบบมืออาชีพ พร้อมช่องทางเดิมพันที่มั่นคง ลองสัมผัสความครบเครื่องของ ufabet ที่ให้บริการปลอดภัยระดับสากลเลือก ufabet เว็บตรง เพื่อประสบการณ์ที่เหนือกว่า ทั้งราคาดี ระบบเร็ว และเชื่อถือได้ 100%

  • Leeds Fan หลังเกมเดือดที่ Elland Road

    Leeds Fan หลังเกมเดือดที่ Elland Road

    Leeds Fan ถูกจับจากสิ่งที่เขาทำกับดาเนียล ฟาร์เค่ ในเกมกับแอสตันวิลล่า

    การแข่งขันระหว่าง Leeds United และ Aston Villa ที่ Elland Road กลายเป็นหนึ่งในแมตช์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดของสัปดาห์ ไม่ใช่เพียงเพราะความเข้มข้นในสนาม แต่ยังรวมไปถึงเหตุการณ์นอกเกมที่สร้างความตึงเครียดและกลายเป็นกระแสใหญ่ในโลกฟุตบอลอังกฤษ เมื่อมี Leeds Fan รายหนึ่งถูกจับกุมหลังพยายามเข้าไปเผชิญหน้ากับกุนซือ Daniel Farke อย่างใกล้ชิดจนกลายเป็นประเด็นใหญ่หลังเกม

    บทความนี้จะเล่ารายละเอียดทั้งหมดอย่างครบถ้วน ทั้งเหตุการณ์ในสนาม บรรยากาศกดดันที่ก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการตอบสนองจากตำรวจ สโมสร และตัวของ Daniel Farke รวมถึงภาพรวมสถานการณ์ของ Leeds United ที่ทำให้แฟนบอลเริ่มเดือดขึ้นทุกวัน

    ลีดส์ออกสตาร์ทดี แต่เกมพลิกกลายเป็นฝันร้ายอีกครั้ง

    เกมนี้เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับลีดส์ ยูไนเต็ด หลังจาก Lukas Nmecha ยิงให้ทีมขึ้นนำตั้งแต่นาทีแรก ๆ ของเกม สร้างความหวังให้แฟนบอลทั้งสนามว่าอาจได้เห็นผลการแข่งขันที่ดี หลังจากทีมมีช่วงเวลาที่ไม่คงเส้นคงวาในพรีเมียร์ลีก

    ครึ่งแรก ลีดส์คุมเกมได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ทั้งในด้านการครองบอล การสร้างจังหวะ และการเพรสซิ่งที่บีบให้ Aston Villa ต้องเล่นอย่างระมัดระวัง แต่เหมือนเดิม สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของทีมตลอดหลายเดือนคือ “ความผิดพลาดตอนสำคัญ” ซึ่งกลับมาเป็นจุดเปลี่ยนในครึ่งหลังอีกครั้ง

    หลังพักครึ่งไม่นาน Morgan Rogers ซัดตีเสมอให้แอสตัน วิลล่า ก่อนจะมาปั่นฟรีคิกสุดสวยเข้าประตูแบบไร้ที่ติ ทำให้ทีมเยือนแซงนำ 2-1 ท่ามกลางความมึนงงของแฟนบอลลีดส์

    และเมื่อผลจบลงแบบแพ้อีกครั้ง ความกดดันทั้งหมดก็ไหลไปลงที่ Daniel Farke แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ความกดดันสะสมจนแฟนบอลเริ่มไม่ทน

    ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟอร์มของลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่ได้อยู่ในระดับที่แฟนบอลคาดหวัง การพลาดโอกาส การเสียประตูจากความผิดพลาดเดิม ๆ และการจัดทีมที่ถูกตั้งคำถามบ่อยครั้ง ทำให้แฟนบอลเริ่มรู้สึกว่าทีมกำลังถดถอย ล้มเหลว และกุนซืออาจหมดมุกในการแก้สถานการณ์

    และในเกมนี้ จุดเดือดก็เกิดขึ้นในช่วงที่สกอร์เท่ากัน 1-1 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุดของทั้งสองทีม

    มีแฟนบอลชายวัยประมาณ 61 ปี สวมผ้าพันคอสีเหลือง ขาว และน้ำเงิน เดินตรงผ่านม้านั่งสำรองของทีมเยือน และเดินเข้าไปใกล้ Daniel Farke แบบไม่ถึง 3 เมตร

    ภาพที่ออกมานั้นเห็นชัดว่าแฟนบอลกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด ทั้งท่าทาง น้ำเสียง และเจตนาที่ต้องการพูดอะไรบางอย่างต่อหน้า Farke โดยตรง

    เจ้าหน้าที่สนามรีบควบคุมสถานการณ์ทันที

    เหตุการณ์ไม่ยืดเยื้อ เพราะเจ้าหน้าที่ของสโมสรรีบเข้ามาควบคุมแฟนบอลรายนี้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะนำตัวออกจากสนามทันที

    อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากโดนพาออกไปไม่นาน ตำรวจก็เข้ามารับตัวแฟนบอลคนนี้ไปสอบสวนต่อ

    Adam Pope นักข่าวดังของ BBC Leeds โพสต์บน X ยืนยันว่า

    “ชายวัย 61 ปีถูกจับกุมหลังจากเจ้าหน้าที่สนามควบคุมตัวเขาในช่วงครึ่งหลัง ของเกม Leeds United พบ Aston Villa วันนี้”

    นั่นทำให้เหตุการณ์นี้ถูกพูดถึงอย่างหนัก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Elland Road มีเหตุการณ์แฟนบอลบุกเข้าไปในเขตเทคนิคของผู้จัดการทีม

    เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดขึ้นมาแล้วที่ Elland Road

    ในปี 2023 มีแฟนบอลรายหนึ่งบุกลงสนามไปชก Eddie Howe ผู้จัดการทีม Newcastle United ในเกมพรีเมียร์ลีก ก่อนจะถูกจับกุมและถูกตัดสินจำคุก 3 เดือน

    นั่นทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า ปัญหาความตึงเครียดใน Elland Road กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนแฟนบอลบางคนเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

    Daniel Farke ตอบสื่อหลังเกม “ผมไม่ได้เห็นเหตุการณ์นั้น”

    แม้เหตุการณ์จะวุ่นวายและใกล้ตัวเขามาก แต่ Daniel Farke กลับตอบคำถามผู้สื่อข่าวอย่างใจเย็นว่า:

    “ผมไม่ได้เห็นมัน”

    คำตอบนี้สร้างความสงสัยว่าเขาไม่เห็นจริง ๆ หรือแค่ไม่ต้องการพูดถึงมันเพราะสถานการณ์ทีมกำลังย่ำแย่

    เมื่อถูกถามเรื่องแรงกดดัน Farke ตอบว่า:

    “ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับงานคุมลีดส์ คุณต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันตลอดเวลาอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผม”

    เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า:

    “ถ้ารับความร้อนไม่ได้ ก็อย่าเข้าครัว… ผมทำงานของตัวเองเต็มที่ และยังเชื่อว่าเรามีคุณภาพพอจะแข่งขันในลีกนี้ได้ แต่ต้องเก็บรายละเอียดช่วงสำคัญให้ดีกว่านี้”

    คำตอบทั้งหมดสะท้อนว่า Farke แม้จะดูใจเย็น แต่ก็รับรู้ว่าตำแหน่งของเขากำลังสั่นคลอนอย่างหนัก

    เสียงแฟนบอลแตกเป็นสองฝั่ง สนับสนุน vs ไม่ทนแล้ว

    หลังเกมบนโซเชียลมีเดีย มีเสียงตอบรับหลากหลายมาก

    ฝั่งที่ยังสนับสนุน Farke

    • เชื่อว่าทีมยังมีระบบดี
    • ปัญหาจริง ๆ มาจากการเสริมทัพไม่เพียงพอ
    • ผู้เล่นบางคนไม่อยู่ในฟอร์มเหมือนเดิม

    ฝั่งที่ไม่พอใจ

    • มองว่าทีมถอยหลังในทุกด้าน
    • ฟอร์มการเล่นไม่มีพัฒนาการ
    • การแก้เกมช้า
    • ยังแพ้ด้วยรูปแบบเดิมซ้ำ ๆ

    การที่แฟนบอลคนหนึ่งถึงขั้นเดินเข้าไปเผชิญหน้า Farke จึงสะท้อนภาพรวมอารมณ์ของกองเชียร์ที่เริ่มหมดความอดทน

    สถานการณ์ของลีดส์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?

    แรงกดดันต่อ Farke เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และโปรแกรมข้างหน้าของทีมก็โหดไม่แพ้กัน ถ้ายังไม่สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขัน หรือปรับปรุงฟอร์มในช่วงเวลาสำคัญได้ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่บอร์ดบริหารจะเริ่มพิจารณาทางเลือกอื่น

    ลีดส์เป็นสโมสรใหญ่ที่มีฐานแฟนบอลมหาศาล และมีความคาดหวังสูงเสมอ การตกไปอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่สโมสรไม่ต้องการเลยแม้แต่น้อย

    บทสรุปของเหตุการณ์ บทเรียนและความกดดันที่สะสมมานาน

    เหตุการณ์แฟนบอลถูกจับกุมครั้งนี้อาจไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรง แต่สะท้อนให้เห็นถึงภาวะอารมณ์ของกองเชียร์ที่กำลังเดือดถึงขีดสุด

    การพยายามเข้าไป confront ผู้จัดการทีมในเขตเทคนิคไม่ใช่เรื่องที่เห็นกันบ่อย ๆ ในอังกฤษ และไม่ควรเกิดเลยด้วยซ้ำ

    ลีดส์ต้องหาทางฟื้นความเชื่อมั่นของทีมและแฟนบอลให้ได้โดยด่วน ไม่เช่นนั้น ความวุ่นวายอาจเกิดขึ้นมากกว่านี้

    หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์เดิมพันที่มั่นคง ปลอดภัย และรวดเร็ว ลองเปิดโลกใหม่กับ ufabet เว็บตรง ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยตอนนี้
    ยูฟ่าเบท พร้อมระบบทันสมัย เล่นง่าย จ่ายจริง และรองรับผู้เล่นทุกระดับแบบครบวงจร

  • Jamie Vardy ศูนย์หน้าระดับตำนาน

    Jamie Vardy ศูนย์หน้าระดับตำนาน

    เหตุผลสุดซึ้งที่ Jamie Vardy ติดชื่อภรรยา เบ็คกี้ ไว้ด้านหลังเสื้อเครโมเนเซ่

    Jamie Vardy ศูนย์หน้าระดับตำนานวัย 38 ปีสร้างหนึ่งในภาพที่ตราตรึงใจที่สุดของฟุตบอลอิตาลีสัปดาห์นี้ เมื่อเขาลงสนามให้กับสโมสร Cremonese ในศึกเซเรีย อา พร้อมเสื้อแข่งที่ด้านหลังไม่ได้สกรีนชื่อ “Vardy” อย่างที่คุ้นตา แต่เป็นชื่อของ “Becky” ภรรยาคู่ชีวิตที่ยืนเคียงข้างเขามาตลอดเกือบหนึ่งทศวรรษ

    แม้จะเป็นเพียงคำสั้น ๆ ห้าตัวอักษร แต่เต็มไปด้วยความหมาย ทั้งในเชิงสังคม ครอบครัว และอารมณ์ส่วนตัวของวาร์ดี้เอง เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของแคมเปญระดับชาติในอิตาลีที่ส่งสารอันทรงพลัง — ต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง และให้ความสำคัญกับความรัก ความเคารพ และความปลอดภัยในครอบครัว

    คราโมเนเซ่เข้าร่วมแคมเปญ “A Red to Violence” – เสื้อฟุตบอลที่กลายเป็นสัญลักษณ์

    เกมที่ Cremonese ลงสนามพบกับโรมาในสเตเดียม Giovanni Zini ไม่ได้มีความหมายแค่เรื่องสามคะแนน แต่เป็นเวทีของแคมเปญ “A Red to Violence” ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงสากล (International Day for the Elimination of Violence against Women)

    หลายสโมสรในเซเรีย อา เข้าร่วมพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น ลาซิโอ, ปาร์มา, เลชเช, อูดิเนเซ่ และอีกหลายทีม โดยให้นักเตะเลือกชื่อบุคคลหญิงที่มีความหมายต่อชีวิตตนเอง เพื่อสกรีนไว้บนหลังเสื้อแทนชื่อจริงของตน

    ตัวเลือกที่ผู้เล่นนิยม ได้แก่:

    • แม่
    • ย่า/ยาย
    • ภรรยา
    • ลูกสาว
    • คนในครอบครัวหรือเพื่อนผู้หญิงที่สำคัญ

    วาร์ดี้เลือก “Becky” — ภรรยาที่อยู่ข้างเขาผ่านทุกการต่อสู้ในชีวิต ทั้งในสนามฟุตบอลและนอกสนาม

    Becky Vardy – หญิงสาวผู้เป็นแรงสนับสนุนตลอดเส้นทางชีวิตของเจมี

    ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มขึ้นในปี 2014 เมื่อวาร์ดี้ยังคงเป็นนักเตะที่กำลังสร้างชื่อในเลสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานั้นชีวิตของเขายังไม่ได้สุขสบายอย่างทุกวันนี้ แต่เบ็คกี้คือคนที่อยู่เคียงข้างเขาตั้งแต่วินาทีที่เขายังไม่ได้เป็น “เจมี วาร์ดี้ นักเตะพรีเมียร์ลีกรางวัลโกลเด้นบอล”

    ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 2016 ที่ Peckforton Castle ในเชสเชียร์ ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่วาร์ดี้สร้างหนึ่งในเทพนิยายวงการฟุตบอล พาเลสเตอร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างเหลือเชื่อ

    พวกเขาสร้างครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่นด้วยลูกทั้งหมด 6 คน และเป็นครอบครัวที่วาร์ดี้ย้ำเสมอว่า “คือแรงผลักดันที่แท้จริงในชีวิตผม”

    ช่วงเวลาบนสนามที่เต็มไปด้วยความหมาย

    ในเกมที่พบโรมา นักเตะของ Cremonese ทั้งทีมเดินลงสนามโดยไม่มีชื่อของตัวเองอยู่บนเสื้อ สัญลักษณ์ของการแทนที่ตัวตนด้วยบุคคลหญิงที่สำคัญในชีวิต เป็นการประกาศว่าผู้หญิงทุกคนควรได้รับความรัก ความปลอดภัย และความเท่าเทียม

    วาร์ดี้สวมเสื้อหมายเลข 10 ของตน แต่ด้านหลังคือชื่อ “Becky” เหนือหมายเลขอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา รูปภาพที่เผยแพร่บนสื่อทำให้แฟนบอลจำนวนมากรู้สึกประทับใจ เพราะเขาไม่เพียงแค่เข้าร่วมแคมเปญ แต่แสดงออกถึงความรักที่จริงใจและไม่ปิดบังความรู้สึกต่อภรรยาของเขา

    การยืนบนสนามด้วยเสื้อที่สกรีนชื่อภรรยา คือการบอกเล่าเรื่องราวว่า “ฟุตบอลสามารถเป็นพลังบวกให้สังคมได้มากเพียงใด”

    การเริ่มต้นใหม่ในอิตาลี – บทต่อไปในชีวิตฟุตบอลของวาร์ดี้

    หลังจากยุติเส้นทางกว่า 14 ปีในเลสเตอร์ ซิตี้ วาร์ดี้และครอบครัวย้ายไปอิตาลีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อร่วมทีม Cremonese ที่เพิ่งเลื่อนชั้นสู่เซเรีย อา ฤดูกาลนี้ถือเป็นการผจญภัยครั้งใหม่ในลีกที่มีความเร็วไม่เท่าพรีเมียร์ลีก แต่เต็มไปด้วยแท็กติกและความเข้มข้น

    เขาเริ่มต้นในอิตาลีได้ดี ยิงไปแล้ว 2 ประตูจาก 8 นัด พร้อมสร้างบทบาทผู้นำทางจิตใจให้กับนักเตะรุ่นใหม่ของทีม แม้จะอายุใกล้ 40 แต่ความกระหายในการแข่งขันยังไม่ลดลงเลย

    รอยต่อระหว่าง Leicester และ Cremonese – หัวใจที่ยังเป็น “จิ้งจอกสีน้ำเงิน”

    แม้ย้ายทีมแล้ว แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าวาร์ดี้คือ “ไอคอน” ของเลสเตอร์ ซิตี้ และเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร:

    • แชมป์พรีเมียร์ลีกปี 2016
    • แชมป์ FA Cup
    • เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย UCL ปี 2017
    • ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019–20
    • ผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแชมป์ 2016
    • ยิงประตูครบ 200 ลูกในสีเสื้อเลสเตอร์จากการลงเล่น 500 นัด

    เขายังเป็นแรงบันดาลใจของกองหน้าทั่วโลก เพราะเส้นทางของเขาเริ่มจากการเป็นนักเตะลีกล่าง จนกลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก — เรื่องราวที่ถูกกล่าวขวัญว่า “เหนือกว่าภาพยนตร์”

    ความรักของสองคนที่เดินไปพร้อมกัน – Becky และ Jamie

    วาร์ดี้มักกล่าวเสมอว่า ถ้าไม่มีเบ็คกี้ เขาคงไม่ประสบความสำเร็จแบบนี้ เธอเป็นคนจัดการชีวิต เป็นกำลังใจสำคัญ และอยู่ข้างเขาทั้งในช่วงเวลาที่โดนวิจารณ์หนักหรือช่วงที่เขาได้รับรางวัลใหญ่ที่สุดในชีวิต

    ทั้งคู่มีลูก 6 คนในครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทั้งสุขและท้าทาย และการสกรีนชื่อ “Becky” บนหลังเสื้อ ไม่ใช่แค่การร่วมรณรงค์ แต่เป็นการแสดงความเคารพต่อภรรยาที่อยู่เคียงข้างเขาในทุกจุดเปลี่ยนของชีวิต

    ฟุตบอลไม่ใช่แค่กีฬา – แต่เป็นช่องทางส่งเสียงเพื่อสังคม

    ภาพของนักเตะหลายคนในเซเรีย อา สวมเสื้อที่มีชื่อผู้หญิงสำคัญในชีวิตตนเอง ทำให้แคมเปญนี้ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง นักเตะไม่ได้เป็นเพียงผู้แข่งขัน แต่กลายเป็นกระบอกเสียงในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังพบเห็นในหลายประเทศทั่วโลก

    ฟุตบอลสามารถส่งข้อความสำคัญได้เสมอ เมื่อหลายทีมรวมพลังกัน ภาพที่ปรากฏบนสนามจึงมีพลังยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ

    วาร์ดี้ในเกมพบโรมา – ยังแอ็กทีฟเหมือนเดิม

    แม้อายุ 38 ปี แต่วาร์ดี้ยังคงมีความเร็ว การวิ่งไล่กดดัน และท่าเฉียบคมเวลาเข้าทำประตู เขาช่วยให้แนวรุกของ Cremonese ดูมีพลังมากขึ้น แม้ทีมจะยังต้องต่อสู้เพื่อคะแนนทุกนัดในเซเรีย อา แต่การมีนักเตะระดับท็อปที่มีประสบการณ์พรีเมียร์ลีกช่วยให้ทีมดูมีความมั่นใจมากขึ้นอย่างชัดเจน

    แม้เกมกับโรมาจะไม่ได้มีประตูจากเขา แต่จิตใจผู้นำของวาร์ดี้ในเกมนี้สะท้อนผ่านท่าทาง การสื่อสารในสนาม และแนวคิดเชิงบวกที่เขาส่งต่อให้เพื่อนร่วมทีม

    สรุป – เสื้อที่เต็มไปด้วยความหมาย

    ชื่อ “Becky” บนหลังเสื้อหมายเลข 10 ของวาร์ดี้เป็นมากกว่าแค่ตัวอักษร แต่มันคือ:

    • ความรักของสามีต่อภรรยา
    • การยอมรับบทบาทผู้หญิงในชีวิตผู้ชาย
    • การสนับสนุนแคมเปญเพื่อสังคม
    • ความจริงใจจากนักเตะที่แฟนบอลทั่วโลกชื่นชม

    วาร์ดี้ไม่เพียงแต่สร้างตำนานในอังกฤษ แต่กำลังสร้างเรื่องราวที่น่ารักและน่าจดจำให้กับแฟนบอลอิตาลีเช่นกัน และนี่คือหนึ่งในโมเมนต์ที่ทำให้โลกฟุตบอลอบอุ่นขึ้นอย่างแท้จริงอ่านเรื่องอบอุ่นหัวใจแบบนี้แล้ว อยากลุ้นฟุตบอลให้สนุกขึ้นกว่าเดิม ลองร่วมเชียร์แบบเรียลไทม์ผ่าน ufabet เว็บตรง เว็บเดิมพันกีฬาที่ครบที่สุดในปีนี้ ปลอดภัย ใช้ง่าย ค่าน้ำดี  แฟนบอลทั่วไทยไว้ใจ!

  • Thomas Frank

    Thomas Frank

    ‘ไม่สามารถต่อรองได้’ Thomas Frank และสตาร์ของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ขอโทษแฟนๆ หลังเกมที่อาร์เซนอลถล่ม

    Thomas Frank ความพ่ายแพ้ในศึกลอนดอนดาร์บี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แต่การแพ้อาร์เซน่อลแบบหมดรูป 4-1 ที่เอมิเรตส์ สเตเดียมคืออีกหนึ่งบทที่เจ็บปวดที่สุดในประวัติศาสตร์การพบกันของทั้งสองทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถิติชี้ชัดว่า สเปอร์สไม่สามารถเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองได้เลยใน 7 นัดหลังสุด และไม่เคยชนะในบ้านของอาร์เซน่อลในพรีเมียร์ลีกมาตั้งแต่ปี 2010

    สิ่งที่หนักยิ่งกว่าคือ บทสัมภาษณ์หลังเกมที่ทั้งเฮดโค้ช โธมัส แฟรงค์ และผู้รักษาประตู กุยเยลโม่ วิคาริโอ ต้องออกมาขอโทษแฟนบอลด้วยน้ำเสียงที่ปนความผิดหวังและเจ็บปวด เพราะพวกเขารู้ดีว่าผลงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่ “แพ้” แต่เป็นการแพ้แบบไม่มีสู้ ไม่มีสัญญาณของความดุดัน ไม่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น — สิ่งที่แฟนบอลสเปอร์สเรียกมันว่า “Non-negotiables” หรือเรื่องที่ ‘ยอมรับไม่ได้ในระดับฟุตบอลอาชีพ’

    สภาพทีมก่อนเกม  บรรยากาศที่แฟนบอลคาดหวังแต่นักเตะไม่ตอบสนอง

    ก่อนเกมเริ่มขึ้นมีสัญญาณเชิงบวกหลายอย่างที่ทำให้แฟนบอลสเปอร์สเชื่อว่าทีมอาจสร้างเซอร์ไพรส์ได้ การเสริมทัพในซัมเมอร์ทำได้ตรงจุด นักเตะมีสภาพร่างกายพร้อม และการเปลี่ยนแปลงแท็กติกของแฟรงค์ก็ดูเป็นความพยายามใหม่ที่ควรได้รับโอกาสพิสูจน์

    เขาตัดสินใจปรับระบบแนวรับเป็น แบ็กห้า เพื่อเพิ่มความแน่นอนและรับมือความเร็วของแนวรุกอาร์เซน่อล โดยเฉพาะ เอเซ และทรอสซาร์ด แต่ระบบนี้กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ภาพที่เห็นในสนามคือสเปอร์สถอยลึกเกินไป เปิดพื้นที่ในแดนกลาง และถูกอาร์เซน่อลบุกเข้าใส่แบบไม่ลืมหายใจในหลายจังหวะ

    ความพยายามตั้งรับเพื่อรอโต้กลับไม่ทำงานเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟรงค์ยอมรับแบบไม่อ้อมค้อมหลังจบเกม

    ประตูแรกคือตัวจุดชนวน  สเปอร์สเสียความเชื่อมั่นอย่างรวดเร็ว

    เลอันโดร ทรอสซาร์ ยิงประตูเปิดหัวให้เจ้าบ้านตั้งแต่ช่วงต้นเกม และเป็นประตูที่ทำให้สมดุลเกมเปลี่ยนทันที สเปอร์สดูเหมือนถูกตัดขาไปครึ่งหนึ่งหลังจากเสียประตูนั้น ความมั่นใจที่มีตอนลงสนามหายไปในพริบตา และพวกเขาดูไม่พร้อมที่จะสู้ด้วยแผนที่เตรียมมา

    จากนั้น อาร์เซน่อลยิ่งได้ใจมากขึ้นเมื่อเอเซเริ่มโชว์ฟอร์มมหาโหด กดแฮตทริกให้ทีมฝั่งแดงของลอนดอนเหนือ และทำลายแนวรับของสเปอร์สที่ดูช้า หนัก และไร้การสื่อสารอย่างน่าแปลกใจ

    ประตูของริชาร์ลิซอน สวยแต่ไม่ช่วยอะไร

    หนึ่งในไฮไลต์ของสเปอร์สที่ถูกพูดถึงคือประตูสุดสวยของริชาร์ลิซอน ที่ชิปบอลจากระยะเกือบ 40 หลาข้ามหัวดาบิด รายา อย่างเหนือชั้น ประตูนั้นทำให้แฟนบอลสเปอร์สนั่งไม่ติดและหวังว่ามันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการคัมแบ็ก

    แต่ความจริงคือ — มันเป็นได้แค่ “ประตูปลอบใจ”
    เกมไม่ได้เปลี่ยน สเปอร์สยังตกเป็นฝ่ายตามหลังทั้งเกม และแนวรับของพวกเขายังคงผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ขณะที่อาร์เซน่อลคุมจังหวะ รุกเป็นระลอก และปิดเกมด้วยความแน่นอนจนกระทั่งเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น

    โธมัส แฟรงค์ยอมรับแบบตรงไปตรงมา “มันคือการแสดงที่แย่ที่สุดของฤดูกาล”

    หลังเกม แฟรงค์พูดกับ BBC ด้วยน้ำเสียงที่มองเห็นได้ชัดถึงความหดหู่และความผิดหวังในตัวเองเหมือนคนที่รู้ดีว่าทุกคำวิจารณ์กำลังมุ่งมาที่เขา:

    “มันเป็นบ่ายที่ยากมาก เป็นฟอร์มที่แย่ เราต้องขอโทษแฟนบอลสำหรับสิ่งที่พวกเขาเห็นในสนาม”

    แล้วเขากล่าวต่อแบบไม่แก้ตัว:

    “เราไม่สามารถแข่งขันได้ ไม่ดุดันพอ แพ้ทุกจังหวะปะทะ และทำให้เกมหลุดไปตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก”

    เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ เขาพูดอย่างชัดเจนว่าเขาจะกลับไปศึกษาผลงานครั้งนี้อย่างละเอียด เพราะ “ไม่ว่าระบบไหนจะใช้ไม่ได้เลยถ้าทีมไม่สู้”

    แฟรงค์ยังยอมรับว่าการเปลี่ยนระบบในช่วงพักครึ่งทำให้ทีมดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่เพียงพอเพราะ “เกมจบไปแล้วตั้งแต่ 3-0”

    วิคาริโอ ผู้รักษาประตู “เราไม่ได้สู้… และนั่นยอมรับไม่ได้”

    กุยเยลโม่ วิคาริโอ ผู้รักษาประตูที่มีผลงานดีเสมอในซีซั่นนี้ก็รู้สึกผิดไม่ต่างกัน เขาถูกจับภาพได้ขณะชูกำมือและโบกมือขอโทษแฟนบอลที่ตามเชียร์ถึงสนาม ก่อนเดินออกจากสนามด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง

    เขาให้สัมภาษณ์กับ Sky Sports ว่า:

    “วันนี้เราไม่ได้สู้ นั่นคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิงในระดับฟุตบอลระดับนี้”

    วิคาริโอเน้นว่าปัญหาไม่ใช่แท็กติก แต่คือ “ความกระตือรือร้นในการเล่น” ทีมขาดความมุ่งมั่นตั้งแต่นาทีแรก เล่นช้าเกินไป และปล่อยให้อาร์เซน่อลควบคุมจังหวะเกมเหมือนเล่นอยู่ฝ่ายเดียว

    เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
    “แฟนบอลสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้”

    สถานการณ์คะแนน สเปอร์สหลุดท็อปโฟร์ อาร์เซน่อลนำโด่ง

    ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้สเปอร์สหล่นลงไปอยู่ อันดับ 9 ของตารางพรีเมียร์ลีก ทั้งที่ก่อนเตะพวกเขายังมีโอกาสลุ้นกลับขึ้นไปลุ้นท็อปโฟร์ได้

    ในทางกลับกัน อาร์เซน่อลขยับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงห่างถึง 6 คะแนน
    ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่แค่ชัยชนะธรรมดา แต่เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าทีมของอาร์เตต้ากำลังเข้าสู่ช่วงพีคของฤดูกาล และพร้อมลุยการลุ้นแชมป์อย่างเต็มรูปแบบ

    อะไรคือ “Non-negotiables” ของสเปอร์สที่หายไป?

    คำว่า “Non-negotiables” ซึ่งวิคาริโอพูดถึง หมายถึงสิ่งที่ไม่ควรขาดในทีมฟุตบอลระดับสูง ได้แก่:

    • ความทุ่มเท
    • ความมุ่งมั่น
    • การวิ่งไล่กดดัน
    • ความดุดันและการสู้ในจังหวะปะทะ
    • ความมีวินัยในเกมรับ

    และในเกมนี้ สเปอร์สทำไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว

    ความจริงที่น่ากลัวคือ ไม่ว่าจะใช้แผนไหน เล่นระบบใด ต่อให้มีนักเตะเก่งแค่ไหน หากทีม “ไม่สู้” ผลลัพธ์ก็ย่อมออกมาแบบนี้

    บทเรียนที่สเปอร์สต้องเรียนรู้ ก่อนเจอ PSG

    แม้จะเป็นวันที่เจ็บปวด แต่สเปอร์สไม่มีเวลาให้จมอยู่กับความผิดหวัง เพราะกลางสัปดาห์พวกเขามีโปรแกรมหนักระดับยุโรปกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รออยู่ในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
    หากยังแสดงแท็กติกและสภาพจิตใจแบบเดิม PSG จะไม่ปล่อยโอกาส และผลลัพธ์อาจหนักยิ่งกว่านี้

    หลังจากนั้น พวกเขายังต้องเจอกับฟูแล่มในพรีเมียร์ลีก ซึ่งแฟรงค์ย้ำว่าทีมต้อง “กลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

    อาร์เซน่อล  คู่ปรับที่ยิ่งห่างชั้น

    ในดาร์บี้ยุค 2010–2015 ทั้งสองทีมต่างผลัดกันแพ้ชนะอย่างสูสี แต่ในช่วง 6-7 ปีหลัง ช่องว่างเริ่มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในยุคของอาร์เตต้า อาร์เซน่อลมีความมั่นใจ ระบบชัดเจน นักเตะเล่นเข้าขา และมีเกมรุกที่อันตรายกว่าเดิม

    ในทางตรงข้าม สเปอร์สมีการเปลี่ยนทีมบ่อยครั้ง ขาดความต่อเนื่อง และยังหาจุดลงตัวไม่ได้เลย

    ความจริงจึงปรากฏในสนามอย่างชัดเจนในเกมนี้

     สรุป เกมที่สะท้อนมากกว่า “แพ้ดาร์บี้”

    การแพ้อาร์เซน่อลไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสเปอร์ส แต่การแพ้แบบไร้สู้ ทำให้เกมนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดต่ำสุดของฤดูกาล
    แฟรงค์และวิคาริโอออกมารับผิดชอบต่อผลงาน แต่สิ่งสำคัญกว่าคำพูดคือ การตอบสนองในสนามนัดถัดไป

    เพราะฟุตบอลไม่เคยรอใคร และสเปอร์สจำเป็นต้องหาคำตอบอย่างเร่งด่วนก่อนที่ฤดูกาลจะหลุดลอยไปมากกว่านี้ดาร์บี้แมตช์เดือดแบบนี้ยิ่งทำให้อารมณ์ลุ้นพุ่งสูง อยากเพิ่มอรรถรสฟุตบอลก็เดิมพันแบบปลอดภัยผ่าน ufabet เว็บตรง ระบบลื่นไหล ค่าน้ำดี เล่นง่ายทุกคู่ใหญ่
    เชียร์มันส์ ลุ้นได้เงิน  บนเว็บที่แฟนบอลไทยไว้ใจมากที่สุด!

  • Gabriel แซว ริชาร์ลิซอน กลางไอจี

    Gabriel แซว ริชาร์ลิซอน กลางไอจี

    Gabriel ล้อเลียนริชาร์ลิสันอย่างรุนแรงด้วยโพสต์อินสตาแกรมสุดทะลึ่งหลังอาร์เซนอลถล่มท็อตแนม

    Gabriel ศึกลอนดอนดาร์บี้ระหว่างอาร์เซน่อลกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ไม่เคยไร้สีสัน และครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อหลังเกมที่ “ปืนใหญ่” เปิดเอมิเรตส์ สเตเดียมถล่มสเปอร์สแบบขาดลอย 4-1 หนึ่งในประเด็นที่จุดไฟความสนใจของแฟนบอลกลับไม่ใช่แค่แฮตทริกของเอบีเรชี เอเซ หรือฟอร์มอันดุดันของทีมเจ้าบ้าน แต่เป็นการ “แซวเพื่อนแบบเจ็บ ๆ” ของ กาเบรียล มากัลเญส ที่ส่งตรงถึง ริชาร์ลิซอน เพื่อนร่วมทีมชาติบราซิลของเขา

    แม้กาเบรียลจะไม่ได้ลงสนามเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่เจ้าตัวก็ไม่พลาดฉลองชัยชนะ พร้อมปล่อยศึกล้อกันในโลกโซเชียลที่แฟนบอลแคปไปแชร์กันสนั่น

    ฉากหลังของประเด็น ศึกดาร์บี้ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและอารมณ์

    เกมนัดนี้มีความหมายมากกว่าดาร์บี้ธรรมดา ไม่เพียงเพราะเป็นการเจอกันของสองสโมสรใหญ่ที่เป็นคู่อริกันยาวนาน แต่ยังเป็นการประกาศว่าฤดูกาลนี้อาร์เซน่อลกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มกระฉูด พวกเขาคว้าชัยติดต่อกันหลายเกม และเกมนี้ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยการชนะสเปอร์ส 4 นัดรวดในทุกรายการ

    แม้สเปอร์สจะมีจังหวะสวย ๆ อย่างประตูยิงไกล 40 หลาอันสุดงดงามของริชาร์ลิซอน ที่ลักไก่ชิปบอลข้ามหัว ดาบิด รายา ได้อย่างเหนือชั้น แต่ประตูดังกล่าวก็ไม่พอที่จะทำให้ทีมของเขากลับมามีลุ้น เพราะอาร์เซน่อลครองเกมเหนือกว่าและตอบโต้ด้วยสามประตูจากเลอันโดร ทรอสซาร์ และอีกสามประตูจากเอเซ ที่จัดแฮตทริกสุดเร้าใจต่อหน้ากองเชียร์เจ้าบ้าน

    สำหรับกาเบรียล เขาที่กำลังพักฟื้นอยู่ ได้แต่ดูเพื่อนร่วมทีมคว้าชัยแบบสะใจกองเชียร์ แต่หลังเกมนี่สิ—จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการแซวเพื่อนร่วมชาติอย่างแสบสัน

    โพสต์ไอจีสุดแสบ กาเบรียลสวมเสื้อเอเซ พร้อมบอลแฮตทริกลายเซ็น

    หลังเสียงนกหวีดหมดเวลาจบลงไม่นาน กาเบรียลก็โพสต์รูปผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยภาพดังกล่าวคือเจ้าตัวกำลังยืนยิ้มในห้องแต่งตัวของอาร์เซน่อล พร้อมสวมเสื้อของเอเซ ผู้ทำแฮตทริกในเกมนี้ พร้อมถือ “ลูกบอลแฮตทริกพร้อมลายเซ็น” รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกม (Player of the Match)

    ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถือรางวัล Player of the Month ของสโมสรประจำเดือนตุลาคมที่ตัวเองได้รับจากการโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมก่อนบาดเจ็บไปด้วย

    แต่ไฮไลต์ของโพสต์คือสิ่งที่เจ้าตัวแท็กในภาพ—
    นั่นคือชื่อของ ริชาร์ลิซอน

    กาเบรียลเหมือนจะบอกว่า:
    “นายยิงสวยก็จริง แต่ทีมฉันชนะนะเพื่อน!”

    แน่นอนว่าแฟนบอลทั่วโลกแห่เข้าไปคอมเมนต์แบบล้นหลาม หลายคนถึงกับบอกว่าเป็น “ตบเบา ๆ แต่เจ็บลึก ๆ” สำหรับริชาร์ลิซอน

    ความสัมพันธ์สองคนนี้ไม่ธรรมดา  ล้อกันมาตั้งแต่ซัมเมอร์

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กาเบรียลและริชาร์ลิซอนล้อกันในโซเชียล เพราะทั้งคู่มีประวัติการ “หยอกเอินกันแรง ๆ” มาตั้งแต่ช่วงทัวร์พรีซีซั่นที่ผ่านมา

    ในเกมอุ่นเครื่องที่ฮ่องกงเมื่อซัมเมอร์ สเปอร์สเอาชนะอาร์เซน่อลได้ และริชาร์ลิซอนถูกเลือกให้เป็น Man of the Match พร้อมคว้าถ้วยชนะพรีซีซั่นติดมือไปด้วย เขารีบโพสต์ภาพลงไอจีและแท็กหากาเบรียลทันที พร้อมข้อความท้าทายที่มีความนัยชัดเจนว่า

    “เห็นไหม? ทีมฉันดีกว่าในวันนี้”

    กาเบรียลเองก็ไม่ยอมง่าย ๆ เขาตอบกลับด้วยการโพสต์รูป “รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำแมตช์พรีเมียร์ลีกสามครั้ง” ที่เขาได้รับจากการเจอสเปอร์สในอดีต พร้อมแคปชั่นว่า:

    “ของจริงมันต้องในเกมทางการนะเพื่อน”

    เหตุการณ์นั้นทำให้แฟนบอลฮากันลั่น และยืนยันความสัมพันธ์ ‘คู่กัดสายบราซิล’ ที่มีความสนุกสนานแบบไม่เกลียดกันจริง

    กลับมาที่ดาร์บี้ล่าสุด แม้ไม่ลงสนามแต่ใจอยู่กับทีมเต็มร้อย

    กาเบรียลได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นขาตอนเล่นให้ทีมชาติบราซิลในเกมกับเซเนกัลเมื่อสัปดาห์ก่อน และต้องพักยาวจนถึงหลังคริสต์มาส นั่นทำให้เขาต้องชมเกมดาร์บี้นัดนี้จากข้างสนาม แต่ท่าทีของเขายังคงสะท้อนถึงความมีส่วนร่วมกับทีม

    หลังเกม เขาลงไปฉลองกับเพื่อน ๆ ในห้องแต่งตัวทันที ทั้งรอยยิ้ม ความภาคภูมิใจ และบรรยากาศแห่งชัยชนะ เต็มไปด้วยพลังของทีมที่กำลังมั่นใจสุดขีดในช่วงนี้

    สำหรับอาร์เซน่อล ชัยชนะครั้งนี้คือการย้ำว่าพวกเขาคือทีมที่เหนือกว่าในลอนดอนเหนือในเวลานี้ และสำหรับกาเบรียล มันคืออีกหนึ่งวันที่เขาได้ ‘แซวเพื่อนและฉลองชัย’ แม้ตัวเองจะไม่ได้ลงเล่นก็ตาม

    ผูกพันในทีมชาติ มากกว่าแค่คู่แข่งในสโมสร

    แม้ทั้งคู่จะอยู่คนละสโมสร แต่ในทีมชาติบราซิล พวกเขาคือเพื่อนร่วมทีมที่มีประสบการณ์ร่วมกันหลายเกม ทั้งในระดับเยาวชนและทีมชุดใหญ่ กาเบรียลและริชาร์ลิซอนลงเล่นร่วมกันถึงสิบครั้ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทั้งคู่จึงสนิทกันพอที่จะล้อเล่นอย่างเป็นกันเองได้ แม้บางครั้งจะดูแรงสำหรับคนทั่วไป

    แฟนบอลบราซิลหลายคนมักแซวว่า
    “ในสโมสรคู่แค้น แต่ในเซเลเซาคือพี่น้อง”

    และดูเหมือนคำพูดนี้จะตรงที่สุดกับสองคนนี้

    ตัวเลขที่น่าทึ่งของกาเบรียลในศึกดาร์บี้ลอนดอนเหนือ

    ตั้งแต่ย้ายมาอาร์เซน่อลในปี 2020 กาเบรียลลงเล่นดาร์บี้กับสเปอร์สทั้งหมด 10 นัด และผลลัพธ์นั้นยอดเยี่ยมมาก:

    • ชนะ 7 นัด
    • เสมอ 1
    • แพ้เพียง 2
    • ไม่แพ้ใน 6 นัดหลังสุดติดต่อกัน

    สถิตินี้ทำให้แฟนบอลปืนใหญ่ชื่นชอบเขาเป็นพิเศษ เพราะทุกครั้งที่ลอนดอนดาร์บี้มาถึง กาเบรียลมักโชว์ฟอร์มดีเป็นพิเศษ

    และแม้จะไม่ได้ลงในนัดนี้ แต่เขาก็ยังมีบทบาทสำคัญ—อย่างน้อยก็ในโลกโซเชียล

    ความบาดหมางที่ไม่มีวันจบ? หรือแค่หยอกล้อแบบเพื่อนรัก

    สิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนบอลชอบติดตามความสัมพันธ์ของสองคนนี้คือความจริงใจ ทั้งคู่สามารถล้อกันหนัก ๆ แต่ก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม เพราะในความเป็นจริง กาเบรียลและริชาร์ลิซอนได้รับการยืนยันจากคนใกล้ชิดว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตั้งแต่ก่อนย้ายมาเล่นในอังกฤษด้วยซ้ำ

    ในโลกฟุตบอล ความเป็นคู่แข่งทำให้เกมมีความหมาย แต่ความเป็นเพื่อนทำให้เรื่องราวเหล่านี้อบอุ่นขึ้น

    ปฏิกิริยาของแฟนบอล สนุก ขำ และถูกใจ

    ภายหลังโพสต์ของกาเบรียลถูกเผยแพร่ออกไป แฟนบอลอาร์เซน่อลจำนวนมากเข้าไปคอมเมนต์ว่า:

    • “นี่มันศิลปะของการแซวเพื่อน!”
    • “ริชาร์ลิซอนโดนยิงแบบ 4-1 แล้วมาโดนยิงในไอจีอีกที!”
    • “กาเบรียลคือกัปตันทีมโซเชียลของเรา”

    ด้านแฟนสเปอร์สบางรายก็ยังหยอกกลับว่า
    “ยิงไกลขนาดนั้นยังไม่รอดโพสต์เพื่อนอีกเหรอ”

    เรียกได้ว่านี่คือสีสันของฟุตบอลยุคใหม่อย่างแท้จริง

    อาร์เซน่อลแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน?

    ชัยชนะ 4-1 ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ผลสกอร์ แต่สะท้อนให้เห็นว่าอาร์เซน่อลภายใต้การนำของมิเกล อาร์เตต้า กำลังกลายเป็นทีมที่มีบุคลิกชัดเจน:

    • แข็งแกร่งในเกมรับ
    • โจมตีมีประสิทธิภาพ
    • ตัวสำรองสร้างความแตกต่างได้
    • ทีมเวิร์กระดับสูง

    และที่สำคัญ—พวกเขามี “บรรยากาศในทีมที่ดี” จนผู้เล่นบาดเจ็บอย่างกาเบรียลยังรู้สึกมีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลา

    ในโลกฟุตบอล บรรยากาศแบบนี้คือสัญญาณของทีมที่พร้อมลุ้นแชมป์

    เมื่อดาร์บี้จบ แต่เรื่องราวไม่จบ

    แม้การแข่งขันจะสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของอาร์เซน่อล แต่เรื่องราวหลังเกมกลับเติมเต็มสีสันให้ดาร์บี้แมตช์ครั้งนี้กลายเป็นที่พูดถึงมากกว่าเดิม กาเบรียลที่ไม่ได้ลงสนามแต่ยังคงแสดงความเป็นส่วนหนึ่งของทีม และแซวริชาร์ลิซอนเพื่อนรักแบบเจ็บแสบ คือหนึ่งในโมเมนต์ที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกพูดถึงอย่างสนุกสนาน

    และเชื่อว่าริชาร์ลิซอนก็คงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปง่าย ๆ เช่นกัน — ดาร์บี้ครั้งหน้าอาจมีศึกล้างตาทั้งในสนามและในโซเชียลแน่นอนลอนดอนดาร์บี้เดือดแบบนี้ยิ่งดูก็ยิ่งสนุก แต่จะมันยิ่งกว่าเมื่อได้ลุ้นผลแบบเรียลไทม์ผ่าน ufabet เว็บตรง เว็บเดิมพันยอดนิยมที่ทั้งปลอดภัยและราคาน้ำดีที่สุด แทงง่าย จ่ายจริง ระบบไว แฟนบอลต้องลองสักครั้ง!