แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเจอกับความผิดหวังในช่วงบ่ายที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เมื่อต้องเสมอกับเวสต์แฮม 1-1 ufa800
เกมที่โอลด์แทรฟฟอร์ดคืนวันนั้นควรเป็นอีกวันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บสามแต้มคาบ้านตามแผน แต่สุดท้ายพวกเขากลับสะดุด และทำได้เพียงเสมอ 1–1 กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ทั้งกองเชียร์และนักวิเคราะห์ต่างคาดหวังให้ทีมของรูเบน อาโมริมแสดงศักยภาพมากกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อได้ประตูนำก่อนและมีโอกาสปิดเกมหลายครั้ง แต่กลับโดนลูกตั้งเตะเล่นงานอีกครั้งเหมือนเดิม
ยูไนเต็ดออกสตาร์ตด้วยผลงานที่สวิงไปสวิงมาจนแฟนบอลเริ่มตั้งคำถามว่า “ทีมนี้ต้องใช้อีกกี่นัดกว่าจะยืนระยะได้จริง?” ซึ่งเกมกับเวสต์แฮมก็ยืนยันหลายอย่างที่ทีมชุดนี้ยังต้องเร่งแก้ไขให้เร็วที่สุด
ด้านล่างนี้คือ 4 สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้ จากผลการแข่งขันนัดนี้ พร้อมรายละเอียดเชิงลึกแบบจัดเต็ม
1. แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเริ่มเกมช้า เหมือนเดิมและแก้ไม่ตก
ฟอร์มช่วงต้นเกมของแมนยูในฤดูกาลนี้ถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่ผู้เชี่ยวชาญพูดถึงมากที่สุด เพราะไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นทีมใหญ่หรือทีมเล็ก สถานการณ์ก็มักคล้ายเดิมเสมอ—ยูไนเต็ดเปิดเกมอย่างเฉื่อยชา ขยับบอลช้า และตั้งเกมไม่ได้ในช่วง 10–20 นาทีแรกของทุกนัด
❖ แนวโน้มที่เกิดซ้ำจนกลายเป็นปัญหาระบบ
ในเกมนี้ เวสต์แฮมเข้ามาเยือนด้วยความมุ่งมั่นและไล่เพรสสูงตั้งแต่วินาทีแรก กดให้ยูไนเต็ดเล่นแบบตั้งรับโดยจำเป็น ทั้งที่ควรเป็นเกมที่ทีมเจ้าบ้านควบคุมจังหวะได้ตั้งแต่แรก กองกลางของเวสต์แฮมดูคล่องกว่า แข็งแรงกว่า และเชื่อมบอลสามจังหวะได้เฉียบคมกว่าอย่างเห็นได้ชัด
สถานการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก ฤดูกาลนี้ยูไนเต็ดเคยแสดงให้เห็นแล้วหลายครั้งว่าพวกเขาเริ่มเกมช้า เช่น
- เกมชนะคริสตัล พาเลซที่ต้อง “ไล่ตาม” หลังโดนยิงก่อน
- เกมแพ้เอฟเวอร์ตัน 0–1 คาบ้านที่แทบหาจังหวะเข้าพื้นที่อันตรายไม่ได้ในครึ่งแรก
- เกมกับวูล์ฟส์และเบิร์นลีย์ช่วงต้นซีซันที่รูปแบบการเริ่มเกมก็เป็นรอง
รูปแบบซ้ำซ้อนนี้สะท้อนว่า “ไม่ใช่เรื่องความฟิตรายบุคคล” แต่เป็นปัญหาโครงสร้างทีม ทั้งระบบเพรสซิ่ง ตำแหน่งยืนหลังเสียบอล และรีแอคชันในจังหวะแรก
❖ เกมกับเวสต์แฮมเป็นภาพสะท้อน
ยูไนเต็ดปล่อยให้เวสต์แฮมครองเกมช่วง 15 นาทีแรกเต็ม ๆ ทั้งที่ตัวผู้เล่นของปีศาจแดงเหนือกว่าในเกือบทุกตำแหน่ง สิ่งนี้แปลว่าทีมยังไม่มีความพร้อมเชิงจิตวิทยาและความเข้มข้นตั้งแต่นกหวีดเริ่มเกม
หากแมนยูยังเริ่มเกมช้าแบบนี้ ต่อให้เล่นดีช่วงกลางถึงท้ายเกม ก็ไม่สามารถไล่เก็บแต้มได้ทุกนัด และอาจส่งผลให้ทีมหลุดจากเป้าหมายท็อปโฟร์ได้ง่ายกว่าที่คิด
2. ปัญหาลูกตั้งเตะของยูไนเต็ดยังคงเรื้อรัง และเป็นภัยเงียบที่ทำเสียแต้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้ยูไนเต็ดจะทำประตูจากลูกตั้งเตะได้มากในฤดูกาลนี้ แต่ในทางกลับกัน การป้องกันลูกตั้งเตะกลับแย่ลงอย่างชัดเจน ยิ่งนานยิ่งเห็นว่าเป็น “จุดอ่อนอันดับหนึ่งของทีมภายใต้รูเบน อาโมริม”
❖ ประตูที่เสียให้มาฆัสซา = ภาพซ้ำของซีซัน
จังหวะที่โซงูตู มาฆัสซาโหม่งเข้าไปเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดเลย
เพราะไม่ใช่ครั้งแรก—ก่อนประตูนั้นไม่กี่นาที จาร์รอด โบเวนก็โหม่งได้แบบโล่ง ๆ จนต้องมีผู้เล่นเคลียร์จากเส้น
นั่นคือสัญญาณเตือนที่ทีมมองข้าม
และถูกลงโทษทันที
❖ ปัญหาเริ่มตั้งแต่เกมเปิดฤดูกาล
ย้อนกลับไปนัดเปิดซีซัน แพ้ให้กับอาร์เซนอลเพราะลูกตั้งเตะของริคคาร์โด คาลาฟิออรี นั่นเป็นครั้งแรกที่หลายคนเริ่มตั้งคำถาม และจนถึงตอนนี้ ปัญหาลูกตั้งเตะยังไม่หายไปไหน
❖ แก้ทั้งซีซันก็ยังไม่จบ
แม้จะเปลี่ยนผู้เล่น
แม้จะเปลี่ยนผู้รักษาประตู
แม้จะปรับระบบประกบตัว
แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม—โดนลูกตั้งเตะเล่นงานแบบไม่ควรเสีย
❖ ความน่ากังวลคือ “ทุกทีมรู้วิธีโจมตีแมนยูแล้ว”
การป้องกันลูกตั้งเตะที่เปราะบางทำให้คู่แข่งทุกทีมรู้ทันว่า
“แค่ได้เตะมุม = มีโอกาสยิงประตู”
สิ่งนี้อันตรายมากในพรีเมียร์ลีก ซึ่งมีทีมที่วางบอลแม่นและมีตัวโหม่งขั้นเทพเต็มไปหมด
หากยูไนเต็ดไม่รีบแก้ไขอย่างจริงจัง จะเสียประตูแบบเดิมอีกแน่นอน และอาจทำให้เสียจุดสำคัญในตารางคะแนนท้ายฤดูกาลแบบที่ไม่น่าให้อภัย
3. แดนกลางแมนยูคุมจังหวะเกมไม่ได้เลย ระบบ 3-5-2 ของอาโมริมให้ช่องโหว่มากเกินไป
หนึ่งในภาพที่เห็นชัดที่สุดในเกมนี้คือการที่ยูไนเต็ด “ไม่มีตัวคุมเกมตรงกลางสนาม” เลยแม้แต่ช่วงที่ครองบอลเหนือกว่าบางจังหวะ
❖ ระบบหลังสามคือปัจจัยสำคัญ
รูเบน อาโมริมใช้ระบบหลังสามมาตลอด ซึ่งทำงานได้ดีในบางนัด แต่ปัญหาหลักคือมักเหลือกองกลางเพียงสองคน—ส่วนใหญ่คือบรูโน แฟร์นันเดส กับคาเซมิโร—ในการต่อกรกับคู่แข่งที่ใช้กองกลางสามคน
ผลลัพธ์คือ
- แพ้ตัวผู้เล่นตรงกลาง
- ตั้งเกมช้า
- ขึ้นบอลเทิร์นโอเวอร์ง่าย
- ไม่สามารถครองจังหวะได้เลยในหลายช่วง
❖ บรูโนและคาเซมิโรไม่ใช่คู่ที่ออกแบบมาเพื่อคุมเกม
บรูโนคือจอมสร้างสรรค์ ไม่ใช่จอมคุมจังหวะ
คาเซมิโรคือมิดฟิลด์รับแบบ Destroyer ไม่ใช่จอมออกบอล
ดังนั้นเมื่อทั้งสองต้องเล่นแบบ 2v3 หรือ 2v4 กับเวสต์แฮม ผลคือเก็บบอลไม่ได้ วิ่งตามเกมมากกว่าสร้างเกม และต้องอาศัยการสวนกลับเป็นหลัก
❖ ประตูของดาโลต์เกิดขึ้นจาก “จังหวะเดียวที่ทีมตั้งเกมได้จริง”
ช่วงที่ยูไนเต็ดทำเกมต่อเนื่องจนดาโลต์ยิงได้นั้นคือไม่กี่จังหวะที่ทีมสามารถรั้งบอลในแดนคู่แข่งได้
แต่ตลอดทั้งเกม ยังไม่ดีพอที่จะคุมเกมให้มั่นคงจนปิดแมตช์
❖ ต้องมีการเสริมทัพหรือเปลี่ยนระบบ
มีสองทางเลือกเท่านั้น:
- อาโมริมต้องเพิ่มกองกลางอีกหนึ่งคน
- หรือต้องดึงตัวคุมจังหวะระดับ Press-resistant เข้ามาช่วยในตลาดมกราคม
หากไม่ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ยูไนเต็ดยังห่างไกลจากคำว่า “ทีมที่ควบคุมเกมได้ดีในพรีเมียร์ลีก”
4. ฝั่งขวาคืออาวุธที่อันตรายที่สุดของยูไนเต็ดในตอนนี้
ท่ามกลางปัญหาหลายอย่าง เกมนี้ยังมีเรื่องดีให้เห็น และหนึ่งในนั้นคือ “ฝั่งขวาของยูไนเต็ดคือจุดที่ดีที่สุดของทีม”
❖ อาหมัด ดิยาลโล่ + ไบรอัน เอ็มโบอูโม = คู่หูอันตราย
การผสมผสานของสองคนนี้สร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
- ดิยาลโล่เติมเกมเร็ว เลี้ยงกินตัว
- เอ็มโบอูโมเคลื่อนที่ฉลาด เติมพื้นที่ตัดในได้ดี
- ทั้งคู่ประสานงานแบบเข้าใจโดยแทบไม่ต้องมองหน้า
ทุกครั้งที่บอลไปฝั่งขวา แฟนบอลมีความหวัง
ทุกครั้งที่บอลไปฝั่งซ้าย ความหวังลดลงอย่างเห็นได้ชัด
❖ ฝั่งซ้ายของยูไนเต็ดต้องเสริมด่วน
หากทีมมีสมดุลมากกว่านี้ ยูไนเต็ดจะอันตรายขึ้นสองเท่า
แต่ตอนนี้เกมรุกฝั่งซ้ายยังขาด
- ความเร็ว
- การเลี้ยงกินตัว
- การเติมพื้นที่แบบสม่ำเสมอ
- การเชื่อมกันของปีกและวิงแบ็ก
❖ จุดสว่างที่ต้องต่อยอด
แม้ผลเสมอจะน่าผิดหวัง แต่การได้เห็นพัฒนาของการเล่นริมเส้นฝั่งขวาเป็นหนึ่งในสัญญาณดี ซึ่งอาโมริมสามารถนำไปใช้เป็นแกนหลักในการสร้างเกมรุกนัดต่อ ๆ ไปได้
สรุปภาพรวมจากเกมนี้
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำแต้มหลุดมือในนัดที่ควรคว้าชัย และปัญหาที่เห็นชัดยังคงเป็นเรื่องเดิม ๆ
- เริ่มเกมช้า
- แดนกลางคุมเกมไม่ได้
- ป้องกันลูกตั้งเตะแย่
- เกมฝั่งซ้ายด้อยกว่าฝั่งขวาแบบเห็นได้ชัด
แม้จะมีสัญญาณดีบางอย่าง แต่หากทีมต้องการกลับไปสู่ระดับลุ้นพื้นที่ยุโรป หรือใกล้เคียงการลุ้นแชมป์ในอนาคต การแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ถ้าคุณชอบบทวิเคราะห์ฟุตบอลสไตล์เข้มข้นแบบนี้ แนะนำติดตามคอนเทนต์ฟุตบอลและเคล็ดลับการวิเคราะห์แมตช์เพิ่มเติมได้ทุกสัปดาห์
อัปเดตข่าวฟุตบอลพร้อมแนวทางวิเคราะห์คู่เด่นก่อนเกมได้ที่ ufa800 ช่องทางข้อมูลฟุตบอลที่ครบที่สุดตอนนี้
