วิคตอร์ กโยเกเรส มาร์ติน โอเดการ์ด นำทัพ 6 การเปลี่ยนตัว ufa365

6 การเปลี่ยนตัว

วิคเตอร์ จิโอเคอเรส และ มาร์ติน โอเดการ์ด อยู่ในรายชื่อ 6 การเปลี่ยนตัว ของอาร์เซนอล 11 คน ที่จะพบกับเบรนท์ฟอร์ด ufa365

หลังจากทำได้เพียงเสมอกับเชลซีแบบน่าผิดหวังเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาร์เซนอลของ มิเกล อาร์เตต้า กำลังเผชิญโจทย์สำคัญอีกครั้งในเกมกลางสัปดาห์ที่จะบุกเยือนเบรนท์ฟอร์ด เกมนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของผลการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบด้าน การบริหารสภาพร่างกาย และ การโรเตชั่นทีม ท่ามกลางโปรแกรมโหดที่บีบอัดอย่างหนักในช่วงปลายปี 6 การเปลี่ยนตัว อาร์เตต้าพิสูจน์มาแล้วหลายครั้งในฤดูกาลนี้ว่าทีมของเขามีบุคลิกของ ผู้ลุกขึ้นสู้ ทุกครั้งที่พลาดท่าเสียแต้ม พวกเขามักจะตอบสนองด้วยชัยชนะเสมอ หลังจากความพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูล และผลเสมอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงซันเดอร์แลนด์ อาร์เซนอลล้วนกลับมาคว้าชัยได้ในเกมถัดไปทั้งหมด เกมกับเบรนท์ฟอร์ดจึงไม่ใช่แค่สามแต้มธรรมดา แต่เป็นโอกาสยืนยันว่า “ดีเอ็นเอของทีมลุ้นแชมป์” ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม

แม้เบรนท์ฟอร์ดจะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นทีมใหญ่ แต่ผลงานเมื่อมาเยือนลอนดอนเหนือกลับทำได้ดีเกินคาด พวกเขาเก็บผลเสมอไปแล้วสองครั้งจากสามเกมล่าสุดที่มาเยือนถิ่นอาร์เซนอล และหากไม่มีประตูชัยช่วงท้ายเกมจาก ไค ฮาแวร์ตซ์ ในเดือนมีนาคม 2024 เราอาจได้เห็นสถิติ “เสมอสามนัดรวด” ไปแล้ว นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเกมนี้ถึงไม่สามารถมองข้ามได้แม้แต่นิดเดียว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของโปรแกรมแข่งขัน ไม่ได้ใจดีกับอาร์เตต้าเลย หลังจบเกมกับเบรนท์ฟอร์ด เขาต้องพาทีมออกไปเยือนแอสตัน วิลล่า ภายในเวลาไม่ถึง 72 ชั่วโมง การฝืนใช้ชุดเดิมต่อเนื่อง จึงแทบเป็นไปไม่ได้ นี่จึงเป็นเกมที่ถูกมองว่า “เหมาะที่สุดสำหรับการโรเตชั่นตัวจริง” เพื่อรักษาความสดของขุมกำลังหลัก และเปิดโอกาสให้ตัวสำรองคุณภาพสูงได้พิสูจน์ตัวเอง

ในเกมเสมอเชลซี หลายคนมองเห็นชัด ว่าความล้าครอบงำผู้เล่นตัวหลักหลายราย จังหวะวิ่งไล่เพรสซิ่งลดลง การตัดสินใจจ่ายบอลช้าลงครึ่งจังหวะ รวมถึงความเข้มข้นในการสร้างสรรค์เกมรุกที่ค่อย ๆ ดร็อปลงในช่วงท้ายเกม อาร์เตต้ารู้ดีว่า ถ้ายังฝืนใช้งานแกนหลักแบบเดิมต่อไป ความเสี่ยงเรื่องอาการบาดเจ็บจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ

ข่าวดีสำหรับอาร์เซนอลคือ พวกเขาเริ่มได้ผู้เล่นสำคัญหลายคนกลับมาจากอาการบาดเจ็บ และพร้อมลงสนามอีกครั้ง วิคตอร์ กโยเกเรส กองหน้าที่ถูกคาดหวังให้เป็นตัวจบสกอร์หลัก สามารถลงเล่นได้เต็มกำลัง เช่นเดียวกับ โนนี่ มาดูเอเก และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่พร้อมเพิ่มมิติความเร็วและความจัดจ้านริมเส้นให้กับเกมบุกของทีม

อีกหนึ่งคนที่แฟนบอลรอคอยคือ มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันทีมผู้เป็นหัวใจเชิงสร้างสรรค์ของแดนกลาง หลังต้องพักไปหลายสัปดาห์ ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะกลับมาลงสนามในฐานะตัวจริงเป็นครั้งแรกในรอบช่วงหนึ่ง และการมีโอเดการ์ดในสนาม ไม่ได้หมายถึงแค่การได้เพลย์เมกเกอร์ชั้นยอดกลับมา แต่ยังหมายถึงการได้ “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” กลับมาคุมจังหวะทั้งเกมรุกและเกมเพรสซิ่งอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน อาร์เตต้ายังอาจเลือกใช้ผู้เล่นที่ยังไม่ได้รับโอกาสมากนักในฤดูกาลนี้ เช่น เบน ไวท์ ที่สามารถขยับไปเล่นทั้งแบ็กขวาและเซ็นเตอร์ฮาล์ฟได้อย่างยืดหยุ่น อีธาน เอ็นวาเนรี ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงที่กำลังเป็นที่จับตา และ ไมลส์ ลูวิส-สเกลลี่ แข้งดาวโรจน์ที่พร้อมเรียนรู้และพิสูจน์ความกล้าหาญในทีมชุดใหญ่ การโรเตชั่นแบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงการพักตัวหลัก แต่ยังเป็นการปลุกการแข่งขันภายในทีมให้เดือดขึ้นด้วย

ด้านผู้เล่นที่มีแนวโน้มจะได้พักมากที่สุดคือกลุ่มตัวแกนสำคัญที่ลงเล่นต่อเนื่องและมีภาระเกมหนัก ทั้ง เดแคลน ไรซ์ ที่แทบไม่เคยหายไปจากแดนกลาง บูกาโย ซาก้า ปีกขวาที่วิ่งไม่มีหมด อีเบเรชี เอเซ่ ที่เพิ่งย้ายมาเติมความสร้างสรรค์ มิเกล เมรีโน จอมเก็บกวาด และ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ที่เพิ่งกลับมามีบทบาทสำคัญในเกมรับ ทั้งหมดนี้คือชื่อที่อาร์เตต้าน่าจะมองว่า “ควรได้พัก” อย่างน้อยหนึ่งเกม เพื่อยืดอายุความสดไปถึงช่วงโค้งสำคัญของฤดูกาล

แน่นอนว่าการพักไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหายไปจากเกมโดยสิ้นเชิง อาร์เตต้ายังคงมีออปชันส่งพวกเขาลงมาเป็นตัวสำรองหากสถานการณ์บังคับ เช่น ทีมต้องการประตูเพิ่มในช่วงท้ายเกม หรือจำเป็นต้องปิดเกมด้วยความนิ่งและประสบการณ์ระดับสูง การมีตัวสำรองระดับไรซ์ ซาก้า หรือเอเซ่ นั่งรออยู่ข้างสนาม ถือเป็นความหรูหราที่โค้ชหลายคนในลีกต้องอิจฉา

เมื่อมองในภาพรวมของตัวเลือก อาร์เซนอลจึงมีศักยภาพที่จะปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้อย่างยืดหยุ่น โดยยังคงรักษาคุณภาพของ 11 ตัวจริงเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ แผนการโรเตชั่นในเกมนี้จึงมีแนวโน้มสูงว่าจะออกมาในรูปแบบ “ผสมผสาน” ระหว่างตัวหลักที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา กับดาวรุ่งและตัวสำรองที่กระหายโอกาสลงสนาม

หนึ่งในไฮไลต์ที่หลายคนจับตามอง คือการออกสตาร์ตของ วิคตอร์ กโยเกเรส ในตำแหน่งหน้าเป้า เขามีโอกาสสร้างความแตกต่างทั้งในแง่การพักบอล การพัวพันกับเกมรับคู่แข่ง และการหาโอกาสจบสกอร์จากการครอสของวิงแบ็กและปีกทั้งสองฝั่ง เมื่อถูกประกบแน่นในกรอบเขตโทษ เขายังเป็นจุดโฟกัสดึงตัวประกบ เปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นอย่าง มาร์ติเนลลี่ และ มาดูเอเก หลุดเข้าทำจากด้านข้างได้ด้วย

ทางฝั่งของ มาร์ติน โอเดการ์ด บทบาทของเขาในเกมนี้จะสำคัญทั้งในด้านเทคนิคและแท็กติก เขารับหน้าที่เชื่อมเกมจากแดนกลางไปแนวรุก คุมจังหวะการบุกว่าจะเร่งหรือผ่อน รวมถึงการวางบอลทะลุช่องให้แนวรุกวิ่งทำทาง เบรนท์ฟอร์ดเป็นทีมที่รับลึกและเล่นเกมสวนกลับเก่ง การมีคนอย่างโอเดการ์ดอยู่ในสนามช่วยให้การเจาะบล็อกแนวรับคู่แข่งมีความละเอียดมากขึ้น ไม่ใช่เพียงการโยนไปลุ้นในกรอบเขตโทษเท่านั้น

หากมองไปที่แผงมิดฟิลด์ “ตัวสนับสนุน” อย่าง อีธาน เอ็นวาเนรี และ มาร์ติน ซูบิเมนดี้ (ซึ่งอาจยืนต่ำสุดคุมจังหวะเกมจากแนวลึก) พวกเขามีหน้าที่ช่วยแบ่งเบาภาระการเชื่อมเกมของโอเดการ์ด พร้อมทั้งใช้ความสดในการวิ่งไล่เพรสและตัดทางผ่านบอลของเบรนท์ฟอร์ด จุดเด่นของเอ็นวาเนรีคือความกล้าเล่น กล้าลอง และมีวิสัยทัศน์เกินวัย ขณะที่ซูบิเมนดี้ช่วยทำให้แดนกลางมีสมดุลทั้งรับและรุกมากขึ้น

ในแนวรับ การใส่ชื่อ เบน ไวท์ โมสเกร่า และ ปิเอโร่ ฮินคาปี ลงมา ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมขบวนหลังให้มีทั้งความแข็งแกร่งและคล่องตัวแบบผสมผสาน ไวท์สามารถเติมเกมสูงเมื่อทีมครองบอล ส่วนฮินคาปีมีความไวและอ่านจังหวะป้องกันได้ดี เหมาะกับการรับมือเกมสวนกลับเร็วของเบรนท์ฟอร์ด ขณะที่ ลูวิส-สเกลลี่ หากถูกส่งลงในบทบาทฟูลแบ็ก หรือ วิงแบ็กฝั่งซ้าย ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ทีมมีพละกำลังไล่บีบคู่แข่งตลอด 90 นาที

แนวรุกด้านข้างอย่าง มาดูเอเก และ มาร์ติเนลลี่ ถูกมองว่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการดึงเกมรับเบรนท์ฟอร์ดให้ถอยลึกลงไป ปีกทั้งสองคนมีคุณสมบัติคล้ายกันคือ ความเร็ว ทักษะการเลี้ยงกินตัว และการลากตัดเข้าในเพื่อหาช่องยิงหรือจ่ายบอลสุดท้าย เมื่อทำงานร่วมกับกโยเกเรสและโอเดการ์ด แนวรุกของอาร์เซนอลในเกมนี้จึงมีทั้งมิติการเพรสสูงตั้งแต่แดนหน้า การเลี้ยงเจาะ และการเข้าทำที่หลากหลาย

ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้ 11 ตัวจริงที่ถูกคาดการณ์ว่าจะใช้ในเกมพบเบรนท์ฟอร์ด อาจออกมาในรูปแบบ ดังนี้ :
ราญา; ไวท์, โมสเกร่า, ฮินคาปี, ลูวิส-สเกลลี่; ซูบิเมนดี้, เอ็นวาเนรี, โอเดการ์ด; มาดูเอเก, กโยเกเรส, มาร์ติเนลลี่

นี่คือการผสมผสานระหว่างความสดใหม่ของผู้เล่นที่เพิ่งหายเจ็บ การใช้ประโยชน์จากดาวรุ่ง และการพักตัวหลักที่กรำศึกหนักมาแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมต่อเนื่องที่ยากไม่แพ้กันอย่างการเยือนแอสตัน วิลล่า

นอกเหนือจากเรื่องในสนามแล้ว แฟนบอลอาร์เซนอลยังมีอีกหนึ่งพื้นที่ให้ติดตามทีมแบบใกล้ชิดผ่านพอดแคสต์ใหม่ “Seeing Red” ที่เปิดให้ฟังทั้งทางยูทูบและแพลตฟอร์มพอดแคสต์ต่าง ๆ โดยทีมงานข่าวของสโมสร และนักข่าวสายอาร์เซนอลจะมาชำแหละประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ฟอร์มการเล่นของทีม การตัดสินใจของอาร์เตต้า ไปจนถึงดราม่า VAR และเรื่องราวเบื้องหลังที่แฟนบอลทั่วไปอาจไม่รู้ การมีคอนเทนต์รูปแบบนี้ช่วยเพิ่มความรู้สึกเชื่อมโยงระหว่างแฟนบอลกับทีมได้มากขึ้น และยิ่งทำให้บรรยากาศการลุ้นแชมป์ของฤดูกาลนี้เข้มข้นกว่าเดิม

เมื่อทุกองค์ประกอบถูกประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพของผู้เล่นที่กลับมาพร้อมหน้า แท็กติกการโรเตชั่นที่รอบคอบ และโปรแกรมโหดที่รออยู่ข้างหน้า เกมกับเบรนท์ฟอร์ดจึงไม่ใช่แค่ อีกหนึ่งนัดในตาราง แต่เป็นเวทีพิสูจน์ว่าความลึกของขุมกำลังอาร์เซนอลดีพอจะพาทีมเดินหน้าไล่ล่าแชมป์ในทุกถ้วยหรือไม่

แฟนบอลปืนใหญ่ทั่วโลกจึงจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า วิคตอร์ กโยเกเรส และ มาร์ติน โอเดการ์ด จะสามารถนำพา 11 ตัวจริงชุดเปลี่ยนโฉมนี้ ให้เก็บสามแต้มสำคัญและตอบสนองต่อการสะดุดที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ได้อย่างสง่างามหรือไม่ เพราะถ้าพวกเขาทำได้ เกมนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่ถูกย้อนกลับมาพูดถึง หากอาร์เซนอลเดินหน้าคว้าแชมป์ในบั้นปลายของฤดูกาล

อยากดูเกมของอาร์เซนอลพร้อมฟังมุมมองแท็กติก และเช็กข้อมูลก่อนแข่งแบบแน่น ๆ ทุกคู่ทุกคืน ลองเปิดโลกการเชียร์บอลสมัยใหม่ให้สนุกและจริงจังยิ่งขึ้นไปกับ ufa365 ศูนย์รวมข้อมูล และประสบการณ์เชียร์ลูกหนังที่ตอบโจทย์ทั้งคอบอลสายวิเคราะห์และสายมันส์